นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ได้พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาลำไยอบแห้งตกต่ำ ซึ่งสืบเนื่องมาจากกรณีเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตลำไยอบแห้ง จ.เชียงใหม่ และ ลำพูน ได้ร้องขอความช่วยเหลือให้รับซื้อลำไยอบแห้งของเกษตรกร เนื่องจากผู้รับซื้อในท้องถิ่นรับซื้อในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ทำให้ประสบภาวะขาดทุน

โดยคณะกรรมการได้วางแนวทาง คือ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้ของเกษตรกรกลุ่มดังกล่าว พร้อมกับขยายระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ยจากกำหนดเดิมในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ออกไปอีก 3 เดือน รวมถึงขอความร่วมมือจาก ธ.ก.ส. ให้เงินกู้ยืมโดยใช้ลำไยอบแห้งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ภายใต้เงื่อนไขที่เกษตรกรจะต้องไม่จำหน่ายลำไยที่มีอยู่ในมือก่อนเดือนกุมภาพันธ์ หรือก่อนเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง เพื่อรักษาระดับราคาให้ไม่ผันผวน โดยมอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ตรวจสอบสต็อคลำไยอบแห้งทั้งเปลือก และลำไยอบแห้งเนื้อสีทองที่คงเหลืออยู่ในมือเกษตรกรโดยด่วน พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการส่งออก เร่งจัดหาตลาดรองรับลำไยอบแห้งในประเทศจีนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ส่วนมาตรการที่จะให้ภาครัฐเข้าไปแทรกแซงราคารับซื้อนั้น ทางคณะกรรมการมีความเห็นว่า ต้องการให้สินค้าลำไยรวมถึงผลไม้ชนิดอื่นๆ เป็นไปตามกลไกตลาดซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ประกอบกับการคาดการณ์ว่า หลังเทศกาลตรุษจีนราคาลำไยจะสูงขึ้น การเข้าไปแทรกแซงในระยะเวลาที่จำกัดและต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากอาจไม่ ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาผลไม้เกี่ยวเนื่องในระยะยาวต่อทุกฝ่ายอีกด้วย

นายธีระ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการผลไม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นทางการผลิต ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีกว่าการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ จึงได้มีการพิจารณาโครงการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพผลไม้ ปี 2554 โดยจะวางกิจกรรมให้เป็นรูปแบบเดียวกันทุกภาค ในส่วนของผลไม้ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย อาทิ การรณรงค์การผลิตตามระบบ GAP การถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกร ซึ่งได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรไปปรับปรุงแผนดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์ เพื่อเสนอของบประมาณดำเนินงานต่อคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ต่อไป

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 11 มกราคม 2554
http://www.naewna.com/news.asp?ID=244135