พลิกสวนส้มร้างรังสิตปลูกปาล์ม 3 หน่วยงานเกษตรจับมือบางจาก ผุดแหล่งพลังทดแทน 1.2 พันไร่

หมวดหมู่ : ข่าวเกษตร เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 54
พลิกสวนส้มร้างรังสิตปลูกปาล์ม 3 หน่วยงานเกษตรจับมือบางจาก ผุดแหล่งพลังทดแทน 1.2 พันไร่

นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ "ศูนย์ศึกษาและพัฒนาพื้นที่สวนส้มร้างทุ่งรังสิตเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน" กับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่สวนส้มทุ่งรังสิตที่ถูกทิ้งร้าง หรือมีการใช้ประโยชน์ต่ำ ให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ความร่วมมือดังกล่าวจะมีการจัดทำแปลงศึกษาและพัฒนาการปลูกปาล์มน้ำมัน บนพื้นที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาพื้นที่สวนส้มร้างทุ่งรังสิตฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ธ.ก.ส. จำนวน 1,200 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เพื่อศึกษาผลการดำเนินงาน โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ มีหน้าที่ในการสนับสนุนด้านวิชาการ การคัดเลือกและจัดหาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน รวมถึงกำหนดวิธีการปลูกและการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของศูนย์ศึกษาฯ แห่งนี้ เมื่อมีผลการศึกษาและแนวทางการพัฒนาพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันบนพื้นที่สวนส้มร้างทุ่งรังสิต ที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับจากผู้เกี่ยวข้อง ก็จะมีการส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมแก่เกษตรกรต่อไป

จากนั้นกระทรวงพลังงาน จะส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลให้แพร่หลายมากขึ้น ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนของรัฐบาล ส่วน ธ.ก.ส.จะสนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกรเจ้าของสวนส้มร้างเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน ด้านบริษัท บางจาก ให้การสนับสนุนการลงทุนสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์มขนาดมาตรฐาน เมื่อมีปริมาณการปลูกปาล์มในพื้นที่เพิ่มถึง 50,000 ไร่ เพื่อรองรับผลผลิตทั้งจากแปลงสาธิตและแปลงข้างเคียง ตลอดจนเป็นผู้รับผิดชอบในการรับซื้อผลผลิตจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มด้วย

นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาพื้นที่สวนส้มร้างเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน เป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกพืชพลังงานทดแทน วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อใช้เองภายในประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งรังสิตที่ประสบปัญหาภาระหนี้สิน ให้มีทางเลือกในการพัฒนาคุณภาพชีวิต อีกทั้งเพิ่มพื้นที่ซับน้ำในฤดูน้ำหลากป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้อีกทางหนึ่งด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554
http://www.naewna.com/news.asp?ID=247637