ปลูกมะเขือเทศฤดูแล้ง

หมวดหมู่ : ข่าวเกษตร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 54
ปลูกมะเขือเทศฤดูแล้ง

มะเขือเทศ อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง 18-28 องศาเซลเซียสซึ่งต้นจะแข็งแรงและติดผลมาก พื้นที่ปลูกที่สูงมีการระบายน้ำดีเป็นพิเศษ ดินมีสภาพเป็นกลาง คือมีค่าความเป็น กรดเป็นด่าง (pH) ประมาณ 6.5-6.8 มีการระบายน้ำดี เตรียมดินให้ลึก 30-40 เซนติเมตร ตากดินให้แห้ง 3-4 อาทิตย์ แล้วย่อยดินให้ละเอียดพอควร หากดินเป็นกรดให้ใช้ปูนขาวหว่านในอัตราตามที่ได้รับคำแนะนำจากการวิเคราะห์ ดินหรือหากไม่ได้ส่งดินไปวิเคราะห์จะหว่านปูนประมาณ 100-300 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใช้ปูนขาวหว่านและคลุกเคล้ากับดินหรืออาจจะหว่านก่อนการเตรียมดินครั้งสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตามควรใส่ปูนขาวก่อนปลูก 2-3 อาทิตย์

ยกแปลงให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 100 เซนติเมตร นำพลาสติกมาคลุม เจาะรูเพื่อนำกล้ามาปลูก ปลูกเป็นแถวคู่ระยะระหว่างแถว 70 เซนติเมตร ระหว่างต้น 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมปลูกด้วยปุ๋ยคอกหนึ่งกระป๋องนมต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจึงย้ายกล้าลงหลุมปลูกหลุมละ 1-2 ต้น กลบดินให้เสมอระดับผิวดินอย่าให้เป็นแอ่งหรือเป็นหลุม เพราะจะทำให้น้ำขังและต้นกล้าเน่าตายได้

การปลูกในฤดูแล้งควรจะกลบดินให้ต่ำกว่าระดับหลุมเล็กน้อย การย้ายกล้าลงแปลงปลูก ควรย้ายปลูกในเวลาที่อากาศไม่ร้อนคือในตอนบ่ายหรือตอนเย็น เมื่อย้ายเสร็จให้รีบรดน้ำตามทันทีจะทำให้กล้าตั้งตัวได้เร็วขึ้น และเปอร์เซ็นต์การตายน้อยลง แต่ถ้าเป็นการย้ายกล้าที่ชำในถุงพลาสติก สามารถย้ายลงแปลงได้ทุกเวลา กล้าจะตั้งตัวได้เร็วและรอดตายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

จากนั้นรดน้ำกล้าให้ชุ่มทุกเช้า-เย็น เมื่อกล้าตั้งตัวดีแล้ว จึงรดน้ำเพียงวันละครั้งในบางพื้นที่ที่มีน้ำเพียงพออาจจะให้น้ำแบบปล่อยให้ ไหลไปตามร่องแปลงจนชุ่มแล้วปล่อยน้ำออก วิธีนี้สามารถทำให้มะเขือเทศได้รับน้ำอย่างเต็มที่และอยู่ได้นาน 7-10 วัน ต่อการปล่อยน้ำ 1 ครั้ง

สำหรับพันธุ์ที่ทอดยอดหรือพันธุ์เลื้อยจำเป็นต้องมีการปักค้างโดยใช้ไม้หลัก ปักค้างต้นก่อนระยะออกดอก โดยใช้เชือกผูกกับลำต้นให้ไขว้กันเป็นเลข 8 และผูกเงื่อนกระตุกกับค้างเพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี สะดวกต่อการดูแลรักษา

สำหรับเกษตรกรที่สนใจจะปลูกมะเขือเทศแบบเกษตรอินทรีย์สามารถเข้าไปดูงานและศึกษาวิธีการปลูกได้ที่ ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ จังหวัดชลบุรี

ศูนย์แห่งนี้มีการศึกษาวิจัยด้านการปรับปรุงดินเพื่อแก้ปัญหาดินเสื่อมโทรมโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีตลอดจนการป้องกันและ กำจัดศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี รวมทั้งเทคนิคการเพาะปลูกพืชผักต่าง ๆ ด้วยวิธีเกษตรธรรมชาติโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีโอกาสแวะเข้าไปดูได้.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=673&contentID=120255