คุณค่าทางโภชนาการและดัชนีการเก็บเกี่ยวผักพื้นเมืองที่มีแนวโน้มเป็นผักเศรษฐกิจของเชียงใหม่
จันทรา เล็กเกิ้ม
การค้นคว้าแบบอิสระเชิงวิทยสนิพนธ์ (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาการสอนชีววิทยา)) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2534. 211 หน้า.
2534
บทคัดย่อ
ฟักพื้นเมืองในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีผู้นิยมนำมาบริโภคเป็นอาหารหลัก มี 6 ชนิด เป็นชนิดที่ใช้บริโภคเฉพาะยอดอ่อนมี 2 ชนิด คือ ผักเฮือด (Ficus virens Ait.) และผักเสี้ยว (Buahinia sp.) เป็นชนิดที่ใช้บริโภคทั้งยอดอ่อนและช่อดอกอ่อน 3 ชนิดคือ ผักเซียงดา (Gymnena inodorum Decne.) ผักฮ้วน (Dregea volubilis Stapf.) และผักหวาน (Melientha suavis Pierr.) และเป็นชนิดที่บริโภคเฉพาะช่อดอกมีเพียงชนิดเดียวคือ สะแล (ป้อมและยาว) (Broussonetia kurzii Corner.) ผักเหล่านี้พบเจริญอยู่ในแหล่งเจริญที่มีสภาพแวดล้อมทั้งแบบที่อุดมสมบูรณ์และแห้งแล้ง เป็นผักที่ยังไม่มีการปลูกเป็นการค้าอย่างเป็นกิจลักษณะ มีการนำมาขายในตลาดผักตามฤดูกาลที่ผักแตกยอดหรือแตกดอกปีละ 1 ครั้ง การเก็บเกี่ยวผักพื้นเมืองแต่ละชนิดใช้เกณฑ์ความอ่อนแก่ของผัก จำนวนใบ ขนาด และลักษณะของยอดหรือดอกในการกำหนดระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว คือ ผักหวาน ผักเฮือด และผักเสี้ยว ทำการเก็ลยอดอ่อนแตกใหม่ทั้งยอด โดยผักหวานมีมากที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ผักเฮือดมีมากที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และผักเสี้ยวมีมากที่สุดในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม ผักฮ้วน กับผักเซียงดาเก็บยอดอ่อนแตกใหม่ที่มีใบไม่เกิน 2-3 คู่ มีมากที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน และสะแลเก็บช่อดอกอ่อนทั้งตัวผู้และตัวเมียที่ดอกย่อยยังไม่บาน มีมากที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม
สำหรับปริมาณสารอาหารที่พบในผักดังกล่าวพบแตกต่างกันคือ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งวัดโดยใช้ hand refractometer พบว่า Total Soluble Solid (TSS) ในผักหวานมีค่าสูงที่สุดคือ 9.7 % brix ปริมาณน้ำตาลรีดิวซ์ที่วิเคราะห์โดยวิธี Nelson’s Reducing Sugar พบว่าผักฮ้วนมีค่าสูงสุดคือ 443.4 มิลลิกรัม/1 กรัมน้ำหนักแห้ง ส่วน Total Non-Structural Carbohydrate (TNC) ที่วิเคราะห์ด้วยวิธีเดียวกับน้ำตาลรีดิวซ์พบว่า ผักหวานมีค่ามากที่สุดคือ 852.8 มิลลิกรัม/1 กรัมน้ำหนักแห้ง ปริมาณโปรตีนที่วิเคราะห์ได้โดยวิธีเจดาห์ล พบในสะแลป้อมมีมากที่สุดคือ 10.39 กรัม/100 กรัมน้ำหนักแห้ง ส่วนวิตามิน ซี ที่ทำการวิเคราะห์ โดยการทำให้เกิดสีและวัดด้วย Spectophotometer พบว่าผักฮ้วนมีมากที่สุดคือ 149.85 มิลลิกรัม/100 กรัมน้ำหนักสด วิตามิน เอ ในรูปเบต้า-แคโรทีนที่ทำการวิเคราะห์โดยการวัดด้วย Spectophotometer พบว่ามีมากที่สุดในผักเซียงดาคือ มี 524.0 มิลลิกรัม/100 กรัมน้ำหนักสด และวิตามิน อี ที่ทำการวิเคราะห์โดยวิธีการทำให้เกิดสีและวัดด้วย Spectophotometer พบว่าผักเซียงดามีปริมาณมากที่สุดคือ 10.11 มิลลิกรัม/100 กรัมน้ำหนักสด ผักที่มีปริมาณสารอาหารที่ทำการวิเคราะห์น้อยที่สุดเกือบทุกชนิดคือ ผักเฮือด ยกเว้นโปรตีนที่พบมีมากกว่าในผักเสี้ยว