การเจริญเติบโต ดัชนีการเก็บเกี่ยว การชะลอและเร่งการสุกของผลมะม่วง (Mangifera indica L.) พันธุ์เขียวเสวย
ธนะชัย พันธ์เกษมสุข
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. 2531. 170 หน้า
2531
บทคัดย่อ
การเจริญเติบโตของผลและเมล็ดมะม่วง (Mangifera indica L.) พันธุ์เขียวเสวย เป็นแบบ simple sigmoid curve ความถ่วงจำเพาะของผลมีค่าต่ำกว่า 1.00 เมื่อผลมีอายุ 4-8 สัปดาห์ แต่มีค่ามากกว่า 1.00 ในระยะ 1-3 และ 9-16 สัปดาห์หลังดอกบานเต็มที่ ผลอายุ 5-14 สัปดาห์ มีความแน่นเนื้อเกือบคงที่ในช่วง 33.14 – 34.65 กก./ ตร.ซม. หลังจากนั้นความแน่นเนื้อมีค่าลดลงเมื่อผลเริ่มสุก ค่า % soluble solids (% SS) และอัตราส่วน soluble solids / titrable acids (SS/TA) ขณะผลดิบมีค่าระหว่าง 9.8 – 11.8 % และ 3.70 – 15.13 ตามลำดับ และมีค่าเพิ่มขึ้นเป็น 15.0 – 15.1 % และ 62.50 – 62.92 เมื่อผลเริ่มสุกในสัปดาห์ที่ 15-16 ค่า % titrable acids (% TA) เพิ่มขึ้นในระยะ 3-8 สัปดาห์ และมีค่าสูงสุดเป็น 2.96 % ต่อมามีค่าลดลง pH ลดลงในระยะ 4-9 สัปดาห์ มีค่า 3.65 – 3.04 หลังจากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 4.72 เมื่อผลอายุ 16 สัปดาห์ ปริมาณไวตามินซีผันแปรในระยะแรก เมื่อผลอายุ 11-16 สัปดาห์ จึงมีปริมาณค่อนข้างคงที่ระหว่าง 18-20 มก./100 ก.น้ำหนักสด ปริมาณ total nonstructural carbohydrate และ reducing sugar มีค่าแปรปรวนตลอดอยู่ระหว่าง 274 – 806 เทียบเท่า มก. กลูโคส/กรัมน้ำหนักแห้ง และ 14—425 มก.กลูโคส/กรัมน้ำหนักแห้งตามลำดับ
ค่า % SS, % TA และ pH อาจนำมาพิจารณาใช้เป็นดัชนีการเก็บเกี่ยวของผลมะม่วงพันธุ์เขียวเสวยได้ โดยผลมะม่วงที่แก่เก็บเกี่ยวได้ เมื่อค่าข้างต้นตามลำดับ มากกว่า 10.0 %, น้อยกว่า 1.54 % และมากกว่า 4.32 ซึ่งผลมะม่วงมีอายุระหว่าง 12-14 สัปดาห์
การหายใจของผลมะม่วงพันธุ์เขียวเสวยอายุ 11-14 สัปดาห์ มียอด climacteric (climacteric peak ; CP) เกิดขึ้น 2 ครั้ง โดยยอดแรก (CP 1) เกิดขึ้นขณะที่เนื้อผลใกล้เปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มสุก และเกิดยอดที่สอง (CP 2) เมื่อเนื้อบริเวณใกล้ผิวผลสุก ส่วนการผลิตเอทธิลีน (C2 H4) มีลักษณะคล้ายคลึงกับการหายใจของผล
เมื่อเก็บรักษาผลมะม่วงพันธุ์เขียวเสวยในถุงพลาสติก (polyethylene ; PE) เจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ซม. จำนวน 8 และ 16 รู โดยใส่และไม่ใส่สารดูดซับเอทธิลีน (EA) ณ อุณหภูมิห้อง (RT ; 26 – 37O ซ.), 15O และ 10O ซ ผลมีอายุการเก็บรักษาได้ 13, 17 และ 27 วันตามลำดับ ที่ RT และ 15O ซ. ผลจะสุกเมื่อเก็บรักษาไว้นาน 6 และ 10 วันตามลำดับ ส่วนผลที่ 10O ซ. เนื้อผลมีลักษณะห่ามเมื่อเก็บรักษาไว้นาน 27 วัน ระหว่างการเก็บรักษาการสูญเสียน้ำหนักสด, % SS, SS/TA และ pH มีค่าเพิ่มขึ้น ขณะที่ความแน่นเนื้อ และ % TA มีค่าลดลง ความเข้มข้นของ CO2 และ C2 H4 ภายในถุงมีการเปลี่ยนแปลงคล้ายกับอัตราการหายใจ และการผลิตเอทธิลีนของผล ส่วนความเข้มข้นของ O2 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยระหว่าง 20.14 – 20.19 % การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวพบใน RT มากกว่าในอุณหภูมิ 15O ซ. และ 10O ซ. ตามลำดับจากมากไปน้อย อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะพบในสภาพถุงที่เจาะรู 16 รูมากกว่าพวกที่เจาะรู 8 รู และในพวกที่ไม่ใส่ EA มากกว่าพวกที่ใส่ EA
สำหรับผลมะม่วงที่เก็บรักษาไว้ในถุง PE ไม่เจาะรู, เจาะรูเข็มหมุด 8 และ 16 รู ณ อุณหภูมิ 10O ซ. ผลมะม่วงยังคงอยู่ในสภาพผลดิบ เมื่อเก็บรักษาไว้นาน 25 วัน แต่ผลที่เก็บรักษาไว้ในถุง PE ไม่เจาะรู ทั้งที่ใส่และไม่ใส่ EA มีกลิ่นหมัก เมื่อเก็บรักษาไว้นาน 12 วัน การสูญเสียน้ำหนักสด, % SS, SS/TA และ pH มีค่าเพิ่มขึ้น ขณะที่ความแน่นเนื้อ และ % TA มีค่าลดลง โดยมีแนวโน้มที่จะพบการเปลี่ยนแปลงในพวกที่ไม่ใส่ EA มากกว่าพวกที่ใส่ EA และพบในถุง PE เจาะรูเข็มหมุด 16 รูมากกว่าเจาะรูเข็มหมุด 8 รู และไม่เจาะรู ตามลำดับจากมากไปน้อย การสูญเสียน้ำหนักสดและความแน่นเนื้อของผลมะม่วงที่เก็บรักษาไว้นาน 12 วันในถุง PE ไม่เจาะรู, เจาะรูเข็มหมุด 8 และ 16 รู มีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนความเข้มข้นของ CO2 เพิ่มขึ้นขณะที่ O2 ลดลง ซึ่งเกิดในระยะ 1-6 วันหลังการเก็บรักษา หลังจากนั้นความเข้มข้นของ CO2 และ O2 ค่อนข้างคงที่ ส่วน C2 H4 ในพวกที่ไม่ใส่ EA มีความเข้มข้นสูงกว่าพวกที่ใส่ EA 8.8 เท่า โดยพวกที่ใส่ EA มีความเข้มข้น 0.004 – 0.014 ppm
การบ่อมผลมะม่วงที่อุณหภูมิห้อง (26-37 O ซ) ด้วยเอทธิลีนความเข้มข้น 1,000 ppm เอทธิลีนบรรจุในถุงพลาสติก แคลเซี่ยมคาร์ไบด์ (Ca C2) ใบขี้เหล็ก ใบสะเดา และใบหางนกยูงไทย พบว่าผลที่ปล่อยให้สุกเองตามธรรมชาติ (control) ใช้เวลาในการสุก 6 วัน ส่วนผลที่ผ่านการบ่มด้วยวิธีต่าง ๆ ใช้เวลาในการสุก 5 วัน นับจากเริ่มบ่มผล และผลมะม่วงเริ่มเหี่ยวให้เห็นเมื่อสูญเสียน้ำหนักไปตั้งแต่ 13.65 % หรือมากกว่า โดยเริ่มพบอาการเหี่ยวในวันที่ 6 ในพวก control และพวกที่บ่มโดยไม่ใช้ใบไม้ ส่วนพวกที่บ่มโดยใช้ใบไม้พบอาการผลเหี่ยวในวันที่ 7-8 พวก control ค่า % SS, SS/TA และ pH มีค่าต่ำสุด แต่ความแน่นเนื้อ และ % TA มีค่าสูงสุด คุณภาพตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสีผิวและสีเนื้อของผลมะม่วงที่ผ่านการบ่มด้วยวิธีต่าง ๆ มีค่าใกล้เคียงกัน โดยผิวผลสามารถเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งหมดในเวลา 7-8 วันนับจากเริ่มบ่มผล ส่วนพวก control สีผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเพียง 80 % เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการศึกษา (8 วัน) และผลมะม่วงที่ผ่านการบ่อมเนื้อผลมีสีเหลืองทั้งหมดในวันที่ 5-6 ขณะที่ control ใช้เวลา 7 วัน การประเมินคุณภาพการรับประทานของผลขณะสุกมีค่าใกล้เคียงกัน ยกเว้นผลที่บ่มด้วย Ca C2 เนื้อมีกลิ่นและรสของคาร์ไบด์ปนอยู่ด้วย ความเข้มข้นของ CO2 และ C2 H4 ในพวกที่บ่มด้วยใบไม้มีมากกว่าพวกที่บ่มด้วยวิธีอื่น ๆ และ control แต่ความเข้มข้นของ O2 ในพวกที่บ่มด้วยใบไม้ก็มีน้อยกว่าพวกที่บ่มด้วยวิธีอื่นทั้งหมด