การควบคุมโรคแอนแทรคโนสของมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ โดยชีววิธีแบบผสมผสาน
สุมิตรา น้อยเอี่ยม
วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืช บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. กรุงเทพฯ. 2540. 180 หน้า
2540
บทคัดย่อ
การสำรวจและศึกษาแหล่งระบาดของโรคแอนแทรคโนสมะม่วง ในพื้นที่ปลูกจำนวน 7,656 ไร่ ทางภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา 607 ไร่ ปราจีนบุรี 2,840 ไร่ สระแก้ว 318 ไร่ ชลบุรี 3,688 ไร่ และระยอง 203 ไร่ พบว่าในทุกพื้นที่ปลูกมะม่วงมีโรคแอนแทรคโนสที่เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides (Penz.) Sacc. เข้าทำลายมะม่วง พันธุ์น้ำดอกไม้ พันธุ์เขียวเสวย และพันธุ์โชคอนันต์ โดยเชื้อเข้าทำลายมากที่สุดบนผลมะม่วง รองลงมาได้แก่ ใบ และช่อดอก
การแยกเชื้อสาเหตุทำให้เกิดโรคแอนแทรคโนส ของมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ พบเชื้อรา C. gloeosporioides จำนวน 10 isolates ซึ่งแยกเชื้อได้จากช่อดอก จำนวน 1 isolate (IFF) จากผล 4 isolates ได้แก่ IFF1, IFF2, IFF3, และ IFF4 จากใบจำนวน 3 isolates ได้แก่ IFL1, IFL2 และ IFL3 และจากดิน และเศษซากพืชบริเวณโคนต้นมะม่วง จำนวน 2 isolates ได้แก่ IFS1 และ IFS2
ทำการทดสอบความสามารถในการเกิดโรคแอนแทรคโนสกับมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ พบว่า isolate IFF1 ซึ่งมีการเจริญเติบโตและสร้าง conidia ได้ดี มีความรุนแรงต่อการเกิดโรคกับผล ใบและต้นกล้ามะม่วงอายุ 3 เดือน เมื่อปลูกเชื้อโดยใช้ปริมาณเชื้อก่อโรค 4 x 106 สปอร์/มิลลิลิตร และจากการทดสอบกับพืชอาศัยอื่น ๆ พบว่า isolate IFF1 ยังสามารถทำให้เกิดโรคกับต้นกวางตุ้ง มะเขือเทศ ถั่วเหลือง ฟิโลเดนดรอน ถั่วเขียว และถั่วลิสงได้ เมื่อใช้สปอร์แขวนลอยที่ความเข้มข้น 4.2 x 106 สปอร์/มิลลิลิตร อย่างไรก็ตาม isolate IFF1 ไม่แสดงอาการโรคกับต้นพริก ว่านสี่ทิศ เขียวหมื่นปี และซองออฟจาไมก้า
จากการทดสอบความต้องการอาหารในการเจริญเติบโตของเชื้อรา C. gloeosporioides isolate IFF1 พบว่าสามารถเจริญเติบโตและสร้างสปอร์ได้ดีบนอาหาร Potato Dextrose Agar. (PDA) ที่ระดับ pH 5.00-7.00 อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ส่วนการทดสอบเชื้อราที่เป็นจุลินทรีย์ต่อต้าน (microbial antagonists) พบว่า Chaetomium cupreum, Chaetomium globosum มีการเจริญเติบโต และสร้างสปอร์ได้ดี บนอาหาร PDA ที่ระดับ pH 5.00-6.00 อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส ส่วน Trichoderma harzianum PC01 และ Trichoderma hamatum PC02 พบว่าเจริญเติบโตและสร้างสปอร์ได้ดี บนอาหาร PDA ที่ระดับ pH 4.00-5.00 อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส
การทดสอบการเลี้ยงเชื้อร่วมบนอาหาร PDA ระหว่างเชื้อรา C. gloeosporioides IFF1 กับเชื้อราที่เป็นจุลินทรีย็ต่อต้านพบว่า T. Harzianum PC01 สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของโคโลนีและการสร้างสปอร์ของเชื้อราสาเหตุโรคแอนแทรคโนสได้ 74.13 และ 97.31 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ T. hamatum PC02 สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของโคโลนีและการสร้างสปอร์ของเชื้อราสาเหตุโรคดังกล่าวได้ 63.24 และ 55.13 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ในขณะที่ Ch.globosum สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของโคโลนี และการสร้างสปอร์ของเชื้อราสาเหตุโรคได้ 62.38 และ 76.20 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ส่วน Ch.cupreum สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของโคโลนี และการสร้างสปอร์ได้ 52.02 และ 53.17 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
จากการทดสอบการใช้ชีวผลิตภัณฑ์ (bioproducts) ที่ผลิตจาก Chaetomium spp. และ Trichoderma spp. ในแปลงทดลองของเกษตรกร เพื่อป้องกันโรคแอนแทรคโนสของมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ อายุ 5 ปี ระยะปลูก 3 x 3 เมตร ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2539 ถึงมีนาคม 2540 โดยก่อนทำการทดลองพบว่า ในแปลงทดลองที่จะใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Chaetomium, Trichoderma และใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา มีระดับการเกิดโรคแอนแทรคโนส และปริมาณเชื้อก่อโรคในเศษซากพืชในดินไม่แตกต่างกันทางสถิติ ภายหลังการทดลองใช้ชีวผิลตภัณฑ์ Chaetomium ชนิดเม็ดในอัตรา 20 กรัมต่อต้น โดยหว่านรอบโคนต้น ทุก 4 เดือน ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ กทม.5 กิโลกรัมต่อต้น พบว่าในแปลงทดลองใช้ Chaetomium สามารถลดการเกิดโรคแอนแทรคโนสได้ 55.93 เปอร์เซ็นต์และลดปริมาณเชื้อก่อโรคในดินได้ 79.88 เปอร์เซ็นต์ ในแปลงทดลองใช้ Trichoderma ชนิดเม็ด ในอัตรา 40 กรัมต่อต้น หว่านรอบโคนค้นทุก 4 เดือนร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ กทม. 5 กิโลกรัมต่อต้น พบว่าสามารถลดการเกิดโรคแอนแทรคโนส และปริมาณเอก่อโรคในดินได้ 55.53 และ 81.26 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับแปลงทดลองใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราที่ฉีดพ่นสลับกันทุก 7 วัน ได้แก่ Carbendazim, Zinep, Manep และ Copper oxychloride พบว่า สามารถลดการเกิดโรคได้ 50.16 เปอร์เซ็นต์และลดปริมาณเชื้อก่อโรคได้ 23.83 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติเปรียบเทียบกับแปลงทดลองใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Chaetomium และ Trichoderma
จากการทดลองเปรียบเทียบการเกิดโรคในช่อดอกจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตของมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ใน 2 ช่วงได้แก่ ฤดูฝน (พฤษภาคม - สิงหาคม 2539) และฤดูร้อน (มกราคม – เมษายน 2540) ในแปลงทดลองใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Chaetomium ที่ฉีดพ่นสปอร์แขวนลอย (spore suspension) ในปริมาณ 22 x 1010 สปอร์ต่อมิลลิลิตร ต้นละ 500 มิลลิลิตร ทุก 30 วัน พบว่าการเกิดโรคแอนแทรคในสลดลงบนช่อดอก ส่วนบน และส่วนล่าง และในระยะการพัฒนาของผลมะม่วงที่มีอายุ 30 60 และ 90 วัน ซึ่งไม่แตกต่างกันทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับแปลงทดลองใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Trichoderma ที่ฉีดพ่นสปอร์แขวนลอย ในปริมาณ 404 x 1010 สปอร์ต่อมิลลิลิตร ต้นละ 500 มิลลิลิตร ทุก 30 วัน และแปลงทดลองใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา Carbendazim, Zinep, Manep และ Copper oxychloride อย่างไรก็ตามการเกิดโรคในฤดูฝนจะมากกว่าในฤดูร้อน สำหรับคุณภาพและปริมาณผลผลิตที่ได้รับในฤดูฝน พบว่าในแปลงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Trichoderma ให้ผลผลิตสูงสุด ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับแปลงที่ใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Chaetomium และสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา สำหรับการให้ผลผลิตในช่วงฤดูร้อนพบว่า แปลงที่ใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Trichoderma ให้ผลผลิตสูงสุด รองลงมาคือ แปลงที่ใช้ชีวผลิตภัณฑ์ Chaetomium ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับแปลงที่ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราซึ่งได้รับผลผลิตต่ำสุด นอกจากนี้การเกิดโรคแอนแทรคโนสหลังการเก็บเกี่ยวในผลมะม่วงที่บ่มไว้เป็นเวลา 5 วัน พบว่าการเกิดโรคผลมะม่วงเน่าจาเชื้อรา C. gloeosporioides ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ในแปลงที่ใช้ Trichoderma และ Chaetomium และสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา