ผลของสภาพบรรยากาศดัดแปลงและการเคลือบผิวต่ออายุการเก็บรักษาเงาะพันธุ์โรงเรียน
วาริช ศรีละออง
วิทยานิพนธ์ (วท.ม เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, 2540. 132 หน้า.
2540
บทคัดย่อ
การเก็บรักษาผลเงาะพันธุ์โรงเรียนภายใต้สภาพบรรยากาศดัดแปลงด้วยวิธีการเคลือบผิวด้วย Sucrose Fatty Ester 3 ชนิด 8nv M-1695, P-1670 และ S-1670 ที่ระดับความเข้มข้น 3000 มิลลิกรัมต่อลิตร การเก็บรักษาในถุงพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดถุงปากปิดผนึกที่เจาะรูและไม่เจาะรู การเก็บรักษาในกล่องกระดาษลูกฟูกโดยหุ้มกล่องและ/หรือกรุช่องระบายอากาศด้วยพลาสติกฟิล์ม linear low density polyethylene (LLDPE) และ polyvinylchloride (PVC) และการเก็บรักษาในสภาพที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ความเข้มข้นร้อยละ 0.03, 5 และ 10 ตามลำดับ แล้วเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส (ความชื้นสัมพัทธ์ร้อยละ 90) พบว่า ผลเงาะที่ไม่ได้เก็บรักษาในสภาพบรรยากาศดัดแปลงมีอายุการเก็บรักษาประมาณ 8-10 วัน โดยเกิดอาการ chilling injury ผลเงาะที่เก็บรักษาโดยการเคลือบผิวด้วยสาร sucrose fatty ester ทุกชนิด มีอายุการเก็บรักษาเท่ากันคือ 12 วัน แต่ผลเงาะที่เคลือบผิวด้วยสารเคลือบชนิด M-1695 สามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงคุณภาพภายในของผลเงาะได้ดีที่สุด โดยลักษณะปรากฎภายนอกของผลเงาะที่เคลือบผิวด้วยสารทั้ง 3 ชนิด ไม่แตกต่างกันมากนัก ผลเงาะที่เก็บรักษาในถุงพลาสติกโพลีเอทิลีนไม่เจาะรูมีอายุการเก็บรักษานาน 16 วัน โดยมีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในถุงร้อยละ 8-16 และก๊าซออกซิเจนร้อยละ 6-13 ในขณะที่การเก็บรักษาในถุงพลาสติกโพลีเอทิลีนที่เจาะรู 1 2 และ 3 รู มีอายุการเก็บรักษาเพียง 12 วัน โดยมีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในถุงประมาณร้อยละ 1-2 และก๊าซออกซิเจนร้อยละ 19-20 การเก็บรักษาในกล่องกระดาษลูกฟูกที่หุ้มภายนอกกล่องด้วยพลาสติกฟิล์ม PVC ยี่ห้อ /wrap และพลาสติกฟิล์ม LLDPE ยี่ห้อ Best wrap พบว่า การใช้พลาสติกฟิล์ม PVC ทำให้ผลเงาะมีคุณภาพดีที่สุด โดยมีอายุการเก็บรักษา 18 วัน และ 16 วัน ตามลำดับ ส่วนการเก็บรักษาผลเงาะในกลุ่งที่กรุช่องระบายอากาศด้วยพลาสติกฟิล์มทั้ง 2 ชนิด มีอายุการเก็บรักษาไม่แตกต่างกันคือ 16 วัน การเก็บรักษาผลเงาะในสภาพที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ความเข้มข้นร้อยละ 10 สามารถรักษาคุณภาพของผลเงาะได้ดีนาน 18 วัน โดยสามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงสีได้ดีกว่าการเก็บรักษาในสภาพที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ความเข้มข้นร้อยละ 5 และ 0.03 ตามลำดับ แต่พบว่าการเก็บรักษาในสภาพที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความเข้มข้นสูงมีผลทำให้เกิดการสลายตัวของวิตามินซีในระหว่างการเก็บรักษามากกว่าผลเงาะที่เก็บรักษาในสภาพบรรยากาศปกติ ตัวแปรสำคัญที่กำหนดอายุการเก็บรักษาผลเงาะคือ การพัฒนาของโรค โดยสามารถแยกเชื้อราจากผลที่เป็นโรคได้ 4 ชนิด คือ Botryodiplodia sp. Phomopsis sp. Pestalotia sp. และ Aspergillus sp.