การควบคุมโรคหลังการเก็บเกี่ยวของมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ ด้วยกรดอะซิติก
เนตรนภิส เขียวขำ
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว) คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. 2541. 90 หน้า.
2541
บทคัดย่อ
การศึกษาผลของกรดอะซิติกต่อการควบคุมโรคหลังการเก็บเกี่ยวของมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ที่เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides และ Lasiodiplodia theobromae พบว่า เมื่อผสมกรดอะซิติกลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ potato dextrose agar (PDA) ที่ความเข้มข้นร้อยละ 0.2 และ 0.25 (ปริมาตร/ปริมาตร) สามารถยับยั้งการเจริญของเส้นใยเชื้อรา C. gloeosporioides และ L.theobromae ตามลำดับ การงอกของสปอร์เชื้อราลดลงเมื่อใช้กรดอะซิติกที่ความเข้มข้นร้อยละ 0.08 และ 0.1 โดยกรดอะซิติกมีผลในการยับยั้งการงอกของสปอร์ได้ดีกว่าการเจริญของเส้นใย
การจุ่มผลมะม่วงที่ได้รับการปลูกเชื้อรา C. gloeosporioides ในสารละลายกรดอะซิติกความเข้มข้นร้อยละ 0.2 และ 2 ไม่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ แต่การรมด้วยไอกรดอะซิติกความเข้มข้นร้อยละ 100 เป็นเวลา 60 และ 120 นาที ในระบบปิด สามารถลดความรุนแรงของโรคเหลือร้อยละ 7.3 และ 1.8 ตามลำดับ แต่บริเวณผิวของผลมะม่วงจะเกิดความเสียหายเนื่องจากกรด การรมผลมะม่วงด้วยไอกรดอะซิติกความเข้มข้นร้อยละ 0.1, 1, 10 และ 20 เป็นเวลา 30 และ 60 นาที โดยควบคุมอัตราการไหล 120 มิลลิลิตรต่อนาที พบว่าที่ควมมเข้มข้นร้อยละ 10 และ 20 และรมเป็นเวลา 30 นาที สามารถลดความรุนแรงของโรคบนผลมะม่วงที่ปลูกเชื้อโดยทำแผลเป็นร้อยละ 50.6 และ 49.5 และลดความรุนแรงของโรคบนผลมะม่วงที่ปลูกเชื้อโดยไม่ทำแผลเป็นร้อยละ 49.6 และ 32.2 เมื่อรมเป็นเวลา 60 นาที ตามลำดับ นอกจากนี้เมื่อนำวิธีการนี้มาทดสอบกับเชื้อรา L. theobromae สามารถลดความรุนแรงของโรคบนผลมะม่วงที่ปลูกเชื้อโดยทำแผลได้ดีแต่ไม่สามารถควบคุมความรุนแรงบนผลมะม่วงที่ปลูกเชื้อบนขั้วผล โดยพบว่าเมื่อรมผลมะม่วงที่ปลูกเชื้อโดยทำแผลด้วยไอกรดอะซิติกความเข้มข้นร้อยละ 20 เป็นเวลา 60 นาที สามารถลดความรุนแรงของโรคเป็นร้อยละ 4.7 การสูญเสียน้ำหนัก ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ (total soluble solid) ปริมาณกรด ค่าความเป็นกรด-ด่าง สีเปลือกและสีเนื้อ และการยอมรับของผู้บริโภค ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ และปริมาณกรดอะซิติกที่ตกค้างบนผิวมะม่วงที่รมด้วย ไอกรดอะซิติกร้อยละ 10 และ 20 พบว่ามีปริมาณ 86.1 และ 233.3 ppb ต่อผล