การเร่งและชลอการสุกของผลมะม่วงพันธุ์อกร่องทอง
เรณู ขำเลิศ
วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (เกษตรศาสตร์)) สาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2527. 73 หน้า.
2527
บทคัดย่อ
การเร่งและชลอการสุกของผลมะม่วงพันธุ์อกร่องทอง
การศึกษาการสุกของผลมะม่วงพันธุ์อกร่องทองซึ่งได้จากสวนในจังหวัดนครสวรรค์แล้วนำมาดำเนินการ
ณ ห้องปฏิบัติการพืชสวนหลังเก็บเกี่ยว ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2524 ถึงพฤษภาคม
2525 และทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงความแน่นเนื้อ soluble
solids (SS) ปริมาณกรดในน้ำคั้น การเปลี่ยนแปลงสีเปลือก สีเนื้อ
และรสชาติ หลังจากบ่มด้วย CaC
2 ก๊าซ C
2H
4
หรือ C
2H
2 ที่มีความเข้มข้นต่าง ๆ กันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แล้วนำไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง (29.7
oซ. และ 88.9% RH) ผลมะม่วงทั้งหมดที่บ่มด้วยสารต่าง
ๆ มีการเปลี่ยนแปลงการสุกได้ดีกว่า control
พวกที่บ่มด้วยก๊าซ C
2H
4 ความเข้มข้น 200 ppm มีแนวโน้มที่ทำให้เกิดการสุกได้ดีที่สุดในวันที่
4 หลังจากนำผลออกจากถุงบ่ม
โดยมีการเปลี่ยนแปลงความแน่นเนื้อจาก 1.5 เป็น 0.8 กก./ตร.ซม. ปริมาณ SS เพิ่มขึ้นจาก 10.5 เป็น
17.0% ส่วนปริมาณกรดในน้ำคั้นคำนวณเทียบเป็นกรดซิตริกลดลงจาก
0.9 เหลือ 0.2% การเปลี่ยนแปลงสีเปลือกนั้นเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองอมเขียวเล็กน้อย
โดยมีคะแนนเปลี่ยนแปลงจาก 1.0 เป็น 4.3 (1= เขียว, 5 = เหลืองล้วน) และมีการเปลี่ยนแปลงสีเนื้อจากสีขาวเป็นสีเหลือง
โดยมีคะแนนเปลี่ยนแปลงจาก 1.0 เป็น 4.3 (1 = ขาว, 5= เหลืองเข้ม) นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของรสชาติจากรสเปรี้ยวจัดเป็นรสหวานจัดโดยมีคะแนนเปลี่ยนแปลงจาก
1.0 เป็น 5.0 (1= ไม่ชอบ, 5= ชอบมากที่สุด)
เมื่อเก็บรักษาผลมะม่วงพันธุ์อกร่องทองที่ยังไม่ได้บ่มไว้ที่อุณหภูมิ
5
oซ. กับ 85.1%RH 9
oซ. กับ 89.3%RH
และ 13
oซ. กับ
82.3%RH เป็นเวลา 1 2 3 4 และ 5
สัปดาห์ แล้วนำมาบ่มด้วยก๊าซ C
2H
4 ความเข้มข้น 200 ppm ทุก ๆ 1 สัปดาห์
หลังจากนั้นจึงนำมาเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง พบว่าผลที่เก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ
13
oซ. เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และเมื่อนำมาบ่มแล้วเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 4
วัน มีสภาพเหมาะต่อการซื้อขายมากที่สุด
โดยมีการเปลี่ยนแปลงความแน่นเนื้อจาก 0.8 เป็น 0.6 กก./ตร.ซม. ปริมาณ SS เพิ่มขึ้นจาก 14.2 เป็น
16.2% ส่วนปริมาณกรดในน้ำคั้นคำนวณเทียบเป็นกรดซิตริกลดลงจาก
0.5 เป็น 0.3% การเปลี่ยนแปลงสีเปลือกจากสีเขียวอมเหลืองเป็นเหลืองอมเขียวเพียงเล็กน้อย
โดยมีคะแนนเปลี่ยนแปลงจาก 2.8 เป็น 4.5
และมีการเปลี่ยนแปลงสีเนื้อจากสีเหลืองอ่อนเป็นเหลืองเข้ม
โดยมีคะแนนเปลี่ยนแปลงจาก 3.7 เป็น 4.7
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของรสชาติจากรสเปรี้ยวอมหวานเป็นรสหวานจัด
โดยมีคะแนนเปลี่ยนแปลงจาก 2.3 เป็น 4.5
ผลที่เก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ
5
oซ. เริ่มแสดงอาการ chilling injury เมื่อเก็บรักษาได้ 3 สัปดาห์ และพบอาการมากขึ้น
เมื่อทำการเก็บรักษาไว้ถึง 4 สัปดาห์
ผลพวกที่เก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 9
oซ. และ 13
oซ. เป็นเวลา
3 สัปดาห์
เริ่มมีอากานเน่าเมื่อนำผลมาเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องได้เพียง 2 วัน
และหมดสภาพการซื้อขายเมื่อเก็บรักษาต่อมาอีก 1วัน
นอกจากนี้ผลมะม่วงที่บ่มด้วยก๊าซ
C
2H
4 ความเข้มข้น 200 ppm แล้วนำไปเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา
0 1 2 และ 3 วัน
หลังจากนั้นนำไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 5
oซ.
กับ 85.1%RH 9
oซ. กับ 89.3%RH และ 13
oซ. กับ 82.3%RH เป็นเวลา 1
2 3 และ 4 สัปดาห์
ปรากฏว่าผลมะม่วงมีการเปลี่ยนแปลงการสุกเพิ่มขึ้นตามจำนวนวันที่ทำการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
นอกจากนี้ยังพบว่าผลมะม่วงพวกที่เก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 13
oซ. มีการสุกมากกว่าพวก 9
oซ. และ 5
oซ.
และพวก 9
oซ. มีการสุกมากกว่า
5
oซ. ตามลำดับ
เมื่อทำการศึกษาในจำนวนวันที่เท่ากัน
ผลมะม่วงพวกที่บ่มแล้วเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 1 วัน หลังจากนั้นจึงนำไปเก็บรักษาต่อที่อุณหภูมิ 5
oซ. เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ผลมะม่วงจะแสดงอาการ chilling injury ผลมะม่วงที่นำออกจากถุงบ่มแล้วเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา
2 วัน เมื่อนำไปเก็บรักษาต่อที่อุณหภูมิ 5
oซ. และ 9
oซ. เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผลมะม่วงเหล่านี้จะแสดงอาการ chilling
injury ในทำนองเดียวกันพวกที่เก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 3
วัน แล้วนำไปเก็บรักษาต่อที่อุณหภูมิ 5
oซ. และ 9
oซ.
เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก็เกิดอาการ chilling
injury ได้