บทคัดย่องานวิจัย

อิทธิพลขององค์ประกอบทางเคมีภายในผลและการใช้สารเคลือบผิวต่อการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลของสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียและพันธุ์ภูเก็ต

จักรพงษ์ พิมพ์พิมล

วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2535. 71 หน้า.

2535

บทคัดย่อ

อิทธิพลขององค์ประกอบทางเคมีภายในผลและการใช้สารเคลือบผิวต่อการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลของสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียและพันธุ์ภูเก็ต การศึกษาอิทธิพลขององค์ประกอบทางเคมีภายในผลและการใช้สารเคลือบผิว ต่อการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลของสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียและพันธุ์ภูเก็ต โดยทำการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ  8 และ 12 องศาเซลเซียส พบว่า ปริมาณ ascorbic acid  มีความสัมพันธ์ค่อนข้างชัดเจนกับการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลของผลสับปะรดทั้งสองพันธุ์นี้ ซึ่งถ้าผลสับปะรดมีปริมาณ ascorbic acid สูง (มากกว่า 8 มก./100 มล.) จะมีโอกาสเกิดอาการไส้สีน้ำตาลได้น้อย แต่ถ้ามีปริมาณ ascorbic acid ต่ำ (4-6 มก./100 มล.) จะมีโอกาสเกิดอาการไส้สีน้ำตาลได้มาก ส่วนปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ soluble solids สารฟีนอล อัตราปฏิกิริยาของเอนไซม์ phenylalanine ammonia lyase และเอนไซม์ polyphenol oxidase ไม่พบความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับการเกิดอาการไส้สีน้ำตาล

การคาดคะเนการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลของผลสับปะรด โดยการวิเคราะห์ปริมาณ ascorbic acid ภายในผลก่อนการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ พบว่า ปริมาณ ascorbic acid สามารถใช้คาดคะเนการเกิดอาการไส้สีน้ำตาล และระดับความรุนแรงของอาการได้ดีพอควรโดยเฉพาะในผลสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย ส่วนผลสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตส่วนมากแล้วมีปริมาณ ascorbic ต่ำ และเกิดอาการไส้สีน้ำตาลอย่างรุนแรงทุกผล จึงไม่สามารถที่จะนำมาคาดคะเนการเกิดอาการไส้สีน้ำตาลและระดับความรุนแรงของอาการได้

การใช้สารเคลือบผิวประเภท paraffin-polyethylene (Sta-fresh 7055) 10 เปอร์เซ็นต์ โดยปริมาตร สามารถลดอาการไส้สีน้ำตาลในผลสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียและพันธุ์ภูเก็ตได้ 70-80 เปอร์เซ็นต์