การศึกษาแนวทางยืดอายุการปักแจกันและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการหลังการเก็บเกี่ยวของช่อดอกปทุมมา
กนกพร บุญญะอติชาติ
วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (เกษตรศาสตร์)) สาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2541. 95 หน้า.
2541
บทคัดย่อ
การศึกษาแนวทางยืดอายุการปักแจกันและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการหลังการเก็บเกี่ยวของช่อดอกปทุมมา
การศึกษาแนงทางการยืดอายุการปักแจกันและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการหลังการเก็บเกี่ยวของดอกปทุมมาพันธุ์เชียงใหม่
พบว่าวัยการตัดดอกที่เหมาะสมสำหรับหารปักแจกันคือเมื่อดอกย่อยบาน 2-6 ดอก
ซึ่งมีอายุปักแจกันไม่แตกต่างทางสถิติ ลักษณะการเสื่อมสภาพของช่อดอกปทุมมาที่พบ
คือ coma
bract หรือ bract มีการเปลี่ยนสีบริเวณปลายเป็นสีน้ำตาล
โคนก้านดอกลีบระหว่างการปักแจกันไม่ว่าในน้ำกลั่นหรือสารละลายเคมี
ดอกย่อยที่บานมีการหายใจและการผลิตเอทิลีนในชั่วโมงแรกต่ำ
จากนั้นเริ่มสูงขึ้นเมื่อดอกเริ่มเสื่อมสภาพ coma bract และดอกย่อยที่เป็นดอกตูมมีแนวโน้มการหายใจและการผลิตเอทิลีนสูงในวันแรกจากนั้นลดลงสลับกับเพิ่มขึ้นจนกระทั่งหมดอายุการใช้งาน
ดอกปทุมมามีการเสื่อมสภาพเมื่อได้รับเอทิลีนจากภายนอก แต่ coma bract ไม่ตอบสนองต่อเอทิลีนจากภายนอก ขณะที่ดอกย่อยตูมมีการตอบสนอง
โดยดอกตูมไม่บานและเกิดการฉ่ำน้ำเมื่อได้รับเอทิลีน 1 1.5 และ 2 นาโนลิตร/ล.
การใช้สารเคมียืดอายุปักแจกันซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลคือ ซูโครส และกลูโคส 2 4 6 และ
8% สารฆ่าจุลินทรีย์ คือ 8-hydroxyquinoline sulphate (HQS) 25 50 75 100 และ 125 มก./ล. Sodium dichloroisocyanurate (DICA) 50 100 และ 150 มก./ล cobalt chloride
100 150 และ 200 มก./ล. sodium benzoate
(Na-BZ) 25 50 75 100 และ 125 มก./ล.สารยับยั้งการสร้างเอทิลีน aminooxyacetic
acid 0.1 0.2 และ 0.3
มิลลิโมลาร์ สารควบคุมการเจริญเติบโต คือ gibberellic acid
(GA
3) 50 100 และ 150 มก./ล. N
6-benzyladenine (BA) 10 20 และ 30
มก./ล. และสารละลาย HQS 15 และ 25
มก./ล. ร่วมกับซูโครส 1
หรือ 2% สารละลาย DICA 150 และ 200 มก./ล. ร่วมกับซูโครส 1 หรือ 2% สารละลาย GA
3 50
100 และ 150 มก./ล
ร่วมกับซูโครส 0.5 หรือ 1% ทำให้มีอายุการปักแจกันสั้นลงกว่าการปักแจกันในน้ำกลั่น
แต่สารละลาย GA
3 50 100 และ 150 มก./ล. ทำให้ก้านช่อดอกไม่ลีบ
การเก็บรักษาดอกปทุมมาแบบเปียกโดยใช้น้ำกลั่นชุบสำลีหุ้มโคนก้านดอกที่อุณหภูมิ 5
o 7
o 10
o และ 13
oซ. พบว่าการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13
o
ซ. ให้อายุเก็บรักษานานที่สุด และที่อุณหภูมิ 5
oซ. มีอายุเก็บรักษาสั้นที่สุด แต่การเก็บรักษาที่อุณหภูมิ
7
oซ. ให้อายุปักแจกันยาวที่สุด
การจำลองการขนส่งดอกปทุมมาโดยการไม่แช่และแช่ก้านช่อดอกในน้ำกลั่นหรือสารละลาย GA
350 มก./ล.
แล้วหุ้มโคนก้านดอกด้วยสำลีชุบสารละลายชนิดเดียวกัน
บรรจุลงกล่องกระดาษซึ่งมีสารดูดซับเอทิลีน ขนส่งโดยรถปรับอากาศจากเชียงใหม่มายังนครปฐม
แล้วนำมาปักแจกันในสารละลายชนิดเดียวกันกับที่หุ้มโคนก้านช่อดอก
พบว่าชนิดของสารละลายเคมีที่ใช้และสารดูดซับเอทิลีน ไม่มีผลต่ออายุปักแจกัน
แต่การแช่น้ำโคนก้านดอกในน้ำทันทีหลังตัดทำให้มีอายุปักแจกันได้นานขึ้น