บทคัดย่องานวิจัย

ผลของคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ สารดูดความชื้น และระยะเวลาในการเก็บรักษาที่มีต่อการเก็บรักษาของเมล็ดจิบโซฟิลา (Gypsophila elegans Bieb.)

อภิชาติ จิตนุยานนท์

วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2528. 113 หน้า.

2528

บทคัดย่อ

ผลของคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ สารดูดความชื้น และระยะเวลาในการเก็บรักษาที่มีต่อการเก็บรักษาของเมล็ดจิบโซฟิลา (Gypsophila elegans Bieb.) การศึกษาผลของคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ silica gel และระยะเวลาในการเก็บรักษาที่มีต่อความชื้น ความมีชีวิต และความแข็งแรงของเมล็ดจิบโซฟิลา (Gypsophila elegans Bieb.) โดยนำเมล็ดที่ผลิตจากดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ มาทำการศึกษาที่ห้องปฏิบัติการพืชสวนหลังการเก็บเกี่ยว ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ในเดือนกรกฎาคม 2526 โดยทำความสะอาดเมล็ดด้วยวิธีฝัดและบรรจุเมล็ดในถุงพลาสติก ปิดปากถุงด้วยยางรัดและเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 25oซ. เพื่อรอทำการทดลอง ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2526 ถึง ธันวาคม 2526 เมล็ดจิบโซฟิลาเมื่อเริ่มศึกษามีความชื้น 13.88% และความงอก 70% นำมาบรรจุในถุงพลาสติกปิดสนิทร่วมกับ silica gel 0 กรัม 1 กรัม และ 2 กรัม ต่อน้ำหนักเมล็ด 4 กรัม พร้อมกับเติมคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับบรรยากาศภายในถุงเมื่อเริ่มทดลองมีความเข้มข้น 0 (0.03%) 25% 50% และ 100% แล้วนำไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 5oซ. 9oซ. 25oซ. และอุณหภูมิห้อง (26o- 33oซ.) เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ทำการทดสอบความชื้น ความงอก และความแข็งแรงของเมล็ดทุก ๆ 2 สัปดาห์

เมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งเก็บรักษาร่วมกับ silica gel มีความชื้นลดลงอย่างรวดเร็วจนถึงจุดสมดุลย์ ภายในระยะเวลา  2 สัปดาห์ หลังจากนั้นความชื้นของเมล็ดอยู่ในระดับค่อนข้างคงที่ โดยเมล็ดที่เก็บรักษาร่วมกับ silica gel 0 กรัม 1 กรัม และ 2 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ด 4กรัม มีความชื้นเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการเก็บรักษา 2 ถึง 12 สัปดาห์ เท่ากับ 13.87% 11.66% และ 9.67% ส่วนเมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งเก็บรักษาในบรรยากาศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ 0% ถึง 10% ที่อุณหภูมิระดับต่าง ๆ กันเป็นระยะเวลา 2 ถึง 12 สัปดาห์มีความชื้นไม่แตกต่างกันทางสถิติ

ความงอกของเมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 5oซ. และ 9oซ. มีค่าไม่แตกต่างกันทางสถิติตลอดระยะเวลาในการเก็บรักษา 2 ถึง 12 สัปดาห์ โดยมีความงอกเฉลี่ย 68% เท่ากัน และมีค่าไม่แตกต่างกันกับความงอกของเมล็ดเมื่อเริ่มเก็บรักษา ในขณะที่เมล็ดจิบโซฟิลาที่เก็บรักษาในบรรยากาศของคาร์บอนไดออกไซด์ 0% ถึง 100% ร่วมกับ silica gel ปริมาณต่าง ๆ กันมีค่าไม่แตกต่างกันทางสถิติตลอดระยะเวลาในการเก็บรักษา 2 ถึง 12 สัปดาห์

การตรวจสอบความแข็งแรงของเมล็ดจิบโซฟิลา 3 วิธี พบว่า การเร่งอายุของเมล็ดเป็นวิธีที่ดีกว่าวิธีวัดดัชนีการงอกและน้ำหนักแห้งของต้นกล้า จากการใช้วิธีการเร่งอายุของเมล็ด ปรากฏว่า อุณหภูมิ 5oซ. ช่วยรักษาความแข็งแรงของเมล็ดจิบโซฟิลาให้อยู่ในระดับค่อนข้างคงที่ ตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ และไม่แตกต่างกันทางสถิติกับเมล็ดเมื่อเริ่มทดลอง ในขณะที่เมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งเก็บเกี่ยวไว้ที่อุณหภูมิ 9oซ. มีความแข็งแรงลดลงหลังการเก็บรักษาเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ ส่วนที่อุณหภูมิ 25oซ. และอุณหภูมิห้องความแข็งแรงของเมล็ดจิบโซฟิลาลดลงในสัปดาห์ที่ 8 โดยความแข็งแรงของเมล็ดซึ่งเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้องลดลงในอัตราที่เร็วกว่าและมากกว่าเมล็ดซึ่งเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 25oซ. สำหรับเมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งเก็บรักษาไว้ในบรรยากาศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ และ silica gel ระดับต่าง ๆ กันเป็นระยะเวลา 2 ถึง 12 สัปดาห์ มีความแข็งแรงไม่แตกต่างกันทางสถิติ

การศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพบางประการระหว่างเมล็ดจิบโซฟิลา ซึ่งผลิตจากดอยอินทนนท์กับเมล็ดซึ่งผลิตจากต่างประเทศ พบว่า เมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งผลิตจากดอยอินทนนท์มีความงอก 70% ซึ่งต่ำกว่าเมล็ดซึ่งผลิตจากต่างประเทศ 8% และจากการตรวจสอบความแข็งแรงของเมล็ดโดยวิธีการเร่งอายุของเมล็ด ดัชนีการงอกของเมล็ด และน้ำหนักแห้งของต้นกล้า ปรากฏว่า เมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งผลิตจากดอยอินทนนท์มีความแข็งแรงต่ำกว่าเมล็ดจิบโซฟิลาซึ่งผลิตจากต่างประเทศ ทำให้เมล็ดจิบโซฟิลาที่ผลิตจากดอยอินทนน์มีอายุการเก็บรักษาสั้นกว่าเมล็ดที่ผลิตจากต่างประเทศ