การเจริญเติบโตกับคุณภาพและคุณภาพการเก็บรักษา ของ sunchoke (Helianthus tuberosus L.)
สุพจน์ ปิ่นพงษ์
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 96 หน้า.
2540
บทคัดย่อ
การศึกษาการเจริญเติบโตกับคุณภาพและคุณภาพการเก็บรักษาของ Jerusalem artichoke หรือ sunchoke (Helianthus tuberosus L.) ณ สถานีเกษตรหลวงปาดะ เชียงใหม่ และห้องปฏิบัติการพืชสวนหลังเก็บเกี่ยว ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2537 – 1 มีนาคม 2538
ตั้งแต่ 1 – 8 สัปดาห์หลังงอก sunchoke มีการเปลี่ยนแปลงความสูงเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นความสูงก็ค่อนข้างคงที่ ขณะเดียวกันกับที่พืชก็มีน้ำหนักต้นสดลดลงและมีการเจริญของดอกและหัว
เมื่อต้นอายุได้ 18 สัปดาห์ sunchoke ให้ผลผลิตสูงสุด คือ 5.65 กก./กอ และมีน้ำหนักต้นสด 1.21 กก./กอ อายุดังกล่าว พบว่าผลิตผลขนาดใหญ่พิเศษและขนาดใหญ่ รวมกันได้ 76.2% กลาง 15.6% ขนาดเล็กและจิ๋วรวมกันได้ 8.2%
หัว sunchoke มีความถ่วงจำเพาะ, ความแน่นเนื้อ,น้ำหนักแห้ง, ปริมาณ total nonstructural carbohydrales (TNC), คะแนนคุณภาพการรับประทานดิบและสุกสูงสุด คือ 1.09, 24.00 กก./ซม2, 22.96%, 68.00%, 7.70 และ 7.90 ตามลำดับและปริมาณ soluble solids (SS) 15.9 (%)
ในการศึกษา พบว่า อายุของ sunchoke ที่เหมาะสมต่อการเก็บเกี่ยว อยู่ระหว่าง 18 – 20 สัปดาห์ โดยพิจารณาจากคุณภาพและปริมาณของหัว sunchoke เป็นหลัก ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ใบและลำต้นมีอาการแห้งจากยอดลงมาประมาณ 50 –100%
การเก็บรักษา sunchoke ณ อุณหภูมิห้องโดยใช้ภาชนะบรรจุ 3 ชนิด คือ ตะกร้าเปิด (control) ถุงพลาสติกเจาะช่องและถุงพลาสติกปิด(ผนึก) ส่วนอุณหภูมิต่ำ บรรจุหัว sunchoke ไว้ในถุงพลาสติกปิด(ผนึก) ส่วนอุณหภูมิต่ำ บรรจุหัว sunchoke ไว้ในถุงพลาสติก(ผนึก)เท่านั้น และเก็บไว้ในอุณหภูมิ 3 ระดับ คือ 10 5 และ 1° ซ
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มที่เก็บรักษาไว้ ณ อุณหภูมิห้อง control เสื่อมสภาพเร็วที่สุด ผลิตผลมีลักษณะเหี่ยวย่น ในเวลา 5 วัน ส่วนผลิตผลที่บรรจุในถุงพลาสติกเจาะช่อง สามารถเก็บรักษาได้นาน 15 วัน สำหรับกลุ่มที่บรรจุในถุงพลาสติกปิด มีการงอก เน่าเสียและราเกิดขึ้น เมื่อเก็บรักษาไว้ 7 วัน
ณ อุณหภูมิ 10 5 และ 1° ซ สามารถเก็บรักษา sunchoke ในถุงพลาสติกปิด ได้นานกว่า 3 เดือน โดยที่ผลิตผลมีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ อุณหภูมิ 10°ซ มีคุณภาพด้อยกว่า 5 และ 1° ซ ซึ่ง ณ อุณหภูมิ 5 และ 1° ซ ให้ผลใกล้เคียงกัน