ผลของการใช้น้ำร้อนและเอนไซม์ในการแยกกุ้งส้มโอ
ชลลดา ดีเหลือ
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตร์การอาหาร) คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2541. 105 หน้า
2541
บทคัดย่อ
ผลของการใช้น้ำร้อนและเอนไซม์ในการแยกกุ้งส้มโอ
การแยกกุ้งส้มโอทำให้โดยการเขย่ากลีบส้มโอในน้ำร้อนที่อุณหภูมิ
50-80° ซ เป็นเวลา
5-20นาที
เนื่องจากน้ำร้อนมีผลทำให้ epicuticular wax ที่อยู่ระหว่างเซลล์กุ้งส้มโอหลอมเหลวและสูญเสียคุณสมบัติการเป็นสารเกาะติดระหว่างเซลล์กุ้งส้มโอ
เมื่ออุณหภูมิของน้ำร้อนสูงขึ้นและใช้เวลาในการเขย่านานขึ้นจะแยกกุ้งส้มโอออกจากกันได้มากขึ้น
แต่กุ้งส้มโอที่ได้มีความแน่นเนื้อลดลง มีปริมาณลิโมนินเพิ่มขึ้น
ทำให้มีรสขมมากขึ้น
จากการทดลองพบว่าสภาวะการแยกกุ้งส้มโอด้วยน้ำร้อนโดยการเขย่าในน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 50°ซ ด้วยความเร็ว 180 รอบ/นาที เป็นเวลา 20 นาที สามารถแยกกุ้งส้มโอได้ร้อยละ 23.51
การเขย่ากลีบส้มโอในสารละลายเอนไซม์เพกติ
เนส (Pectinex Ultra SP-L) ก่อนแยกกุ้งส้มโอด้วยน้ำร้อนช่วยให้แยกกุ้งส้มโอได้มากขึ้น
แต่เมื่อเอนไซม์เพกติเนสมีความเข้มข้นมากขึ้น
และใช้เวลาเขย่านานขึ้นทำให้กุ้งส้มโอแตกมากขึ้น มีปริมาณลิโมนินสูงขึ้น
และมีความแน่นเนื้อลดลง
โดยสภาวะที่เหมาะสมในการแยกกุ้งส้มโอโดยใช้เอนไซม์เพกติเนสและน้ำร้อนคือ
การแช่กลีบส้มโอในสารละลายเอนไซม์เพกติเนสความเข้มข้นร้อยละ 0.10 เป็นเวลา 30 นาที แล้วเขย่าในน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 50° ซ เป็นเวลา 20 นาที
สามารถแยกกุ้งส้มโอได้ร้อยละ 62.30 โดยกุ้งส้มโอที่ได้มีความแน่นเนื้อ
155.78 กรัม และมีปริมาณลิโมนิน 7.27 พีพีเอ็ม
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากส้มโอปกติเพียงเล็กน้อยนอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบการแยกกุ้งส้มโอด้วยเอนไซม์เพกติเนสและน้ำร้อนกับการแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็ว
(cryogenic freezing) ด้วยไนโตรเจนเหลวและเอทานอลผสมน้ำแข็งแห้ง
พบว่าการแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็วสามารถแยกกุ้งส้มโอได้มากกว่าการใช้เอนไซม์เพกติเนสและน้ำร้อน
แต่กุ้งส้มโอที่ได้จากการแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็วมีความแน่นเนื้อน้อยกว่า
มีปริมาณลิโมนิน และความขมมากกว่ากุ้งส้มโอที่แยกได้โดยเอนไซม์เพกติเนสและน้ำร้อน
โดยให้ผู้ชิมให้คะแนนการยอมรับผลิตภัณฑ์กุ้งส้มโอที่แยกโดยใช้น้ำร้อนและเอนไซม์เพกติเนสมากกว่ากุ้งส้มโอที่ได้จากการแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็ว