ผลของกรดแอสคอร์บิกและการบรรจุแบบปรับสภาพบรรยากาศต่อคุณภาพสับปะรดตัดแต่ง
ปรางค์ทอง กวานห้อง และเบญจมาศ รัตนชินกร
วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร ปีที่ 40 ฉบับที่ 3(พิเศษ). หน้า 601-604. 2552.
2552
บทคัดย่อ
ศึกษาการยืดอายุการเก็บรักษาสับปะรดพร้อมบริโภคโดยใช้วิธีต่างๆ ผสมผสานกัน ซึ่งวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design จำนวน 5 ซ้ำ โดยนำผลสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองสีเขียววัยแก่มาล้างทำความสะอาด จากนั้น ผึ่งจนแห้ง ปอกเปลือก แล้วแช่ในสารละลายกรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) ความเข้มข้น 1% นาน 60 วินาที นำมาใส่ถาดพลาสติกพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) แล้วบรรจุลงถุงพอลิเอทิลีน (PE) ปิดผนึกในสภาพบรรยากาศปกติ (control) หรือปรับสภาพให้มี 3%O2+10%CO2 เปรียบเทียบกับการบรรจุถุงพอลิเอทิลีน เทอเรพทาเลท/พอลิเอทิลีน/แคซ พอลิพรอไพลีน (PET/PE/CPP) ปรับสภาพเป็น 50%O2+10%CO2 หรือ 70%O2+10%CO2 จากนั้นเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 5 °ซ พบว่า การแช่สับปะรดในกรดแอสคอร์บิก 1% ร่วมกับการปรับสภาพบรรยากาศภายในบรรจุภัณฑ์ แล้วเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำทุกกรรมวิธี มีส่วนช่วยลดการเกิดสีน้ำตาลที่ผิวเนื้อสับปะรด และยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น โดยที่สับปะรดยังคงมีกลิ่น และรสชาติที่เป็นปกติ สับปะรดที่บรรจุถุง PE ในสภาพบรรยากาศปกติและสภาพ 3%O2+10%CO2มีอายุการเก็บรักษาเฉลี่ยนาน 15 และ 17 วัน ตามลำดับ ส่วนสับปะรดที่บรรจุถุง PET/PE/CPP ปรับสภาพบรรยากาศเป็น 50%O2+10%CO2หรือ 70%O2+10%CO2มีอายุการเก็บรักษาเฉลี่ยนาน 19 วัน โดยที่ยังมีสภาพภายนอกเป็นปกติ