ผลของการฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนสและการปลิดใบต่อการเกิดสีแดง คุณภาพ และอายุการเก็บรักษาของผลมะม่วงพันธุ์มหาชนก
รัฐพล เมืองแก้ว และ พีระศักดิ์ ฉายประสาท
วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร 45 (3/1 พิเศษ): 201-2074. 2557.
2557
บทคัดย่อ
ศึกษาการปลิดใบและใช้สารละลายเมทิลจัสโมเนสต่อการเกิดสีแดงของผลมะม่วงพันธุ์มหาชนกโดยวางแผนการทดลองแบบ randomized complete block design (RCB)3 ซ้ำๆละ 6 ต้น ประกอบด้วย 4 ทรีตเมนต์ ได้แก่ 1.การปลิดใบมะม่วงออก 30 %ทั่วทรงพุ่ม เมื่อผลมะม่วงมีอายุ 90 วันหลังดอกบาน 2. การฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนสความเข้มข้น 80 ppmเมื่อผลมะม่วงมีอายุ 90 วันหลังดอกบาน และ 3. การปลิดใบมะม่วงออก 30 %ทั่วทรงพุ่มและฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนสความเข้มข้น 80 ppm เมื่อผลมะม่วงมีอายุ 90 วันหลังดอกบาน เปรียบเทียบกับชุดการทดลองควบคุม เก็บเกี่ยวผลมะม่วงมหาชนกเมื่ออายุ 110 วันหลังดอกบาน พบว่าการปลิดใบมะม่วงออก 30% ทั่วทรงพุ่ม ทำให้การเปลี่ยนแปลงค่าสี L*,a*มากที่สุดและมีค่า oHน้อยที่สุด โดยมีพื้นที่สีแดงของผิวมะม่วงมหาชนกพบมากที่สุดในการฉีดพ่นสารเมทิลจัสโมเนส และการฉีดพ่นสารเมทิลจัสโมเนสร่วมกับการปลิดใบมะม่วงออก30%ทั่วทรงพุ่ม จากนั้นนำผลมะม่วงมหาชนกที่ขนาดสม่ำเสมอและปราศจากตำหนิมาเก็บรักษา มี 2 ระดับ 15และ 27องศาเซลเซียสเพื่อตรวจสอบคุณภาพทางเคมีและทางกายภาพและอายุการเก็บรักษา โดยทำการตรวจคุณภาพทุก 3 วัน ผลการทดลองพบว่า การปลิดใบมะม่วงของทั้งต้นออก 30 % เมื่อผลมะม่วงมีอายุ 90 วันหลังดอกบาน และการฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนส ช่วยให้พื้นที่การเกิดสีแดงเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่าสีแดง(a*) มากกว่าชุดควบคุม ยังพบว่ามีค่า Hue angleน้อยกว่าชุดควบคุม นอกจากนี้ การปลิดใบมะม่วงออก 30 %และการฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนส มีผลทำให้ปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้และค่า TSS/TA น้อยกว่าชุดควบคุม แต่มีปริมาณกรดที่ไทเทรตได้และค่าความแน่นเนื้อมากกว่าชุดควบคุมทั้งสองอุณหภูมิของการเก็บรักษา การเก็บรักษาผลมะม่วงทุกทรีตเมนต์ที่อุณหภูมิ 15 และ 27 องศาเซลเซียส สามารถเก็บรักษาได้นานถึง 18 วัน และ 9 วันตามลำดับ