การทดสอบเทคโนโลยีการผลิตมังคุดเพื่อการส่งออก
อัมพิกา ปุนนจิต สุขวัฒน์ จันทรปรรณิก หิรัญ หิรัญประดิษฐ์ เสริมสุข สลักเพ็ชร์ วันทนีย์ ชุ่มจิตต์ และ ชลธี นุ่มหนู
รายงานผลการวิจัย ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, จันทบุรี.
2537
บทคัดย่อ
สรุปผลการทดลอง
หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ต้นมังคุดควรมีการแตกใบอ่อนอย่างน้อย 1 ชุด ภายใน
เดือนกันยายน ซึ่งอาจทำการกระตุ้นได้โดยการตัดแต่งกิ่ง การใส่ปุ๋ย หรือการใช้สารไทโอ
ยูเรีย 2,500 ppm + น้ำตาลเด็กซ์โตรส 600 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือยูเรีย 200-400
กรัม/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้นมังคุด เมื่อมังคุดแตกใบอ่อนแล้ว ต้องทำการป้องกัน
กำจัดศัตรูพืชที่จะเข้าทำลายใบอ่อน (เพลี้ยไฟ และเชื้อราสาเหตุโรคใบจุด) โดยการฉีด
พ่นสารเคมีตามคำแนะนำของกองกีฏและสัตววิทยา และกองโรคพืชและจุลชีววิทยา ต้น
มังคุดที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม จะมีสภาพความสมบูรณ์ต้นสูง ใบแก่เต็มที่
และพร้อมที่จะออกดอกในเดือนธันวาคม เมื่อมีการจัดการน้ำเหมาะสม โดยให้มีสภาวะ
แล้งต่อเนื่องระยะหนึ่งก่อนเริ่มการให้น้ำตามปกติ เพื่อชักนำให้มีการสร้างตาดอก มังคุด
ที่ออกดอกในเดือนธันวาคม จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือน เมษายน- ต้นเดือน
พฤษภาคม คุณภาพของผลมังคุดจะดี อาการยางไหลภายในผลและเนื้อแก้วไม่มี หรือมี
น้อยมาก
การปลิดดอกหรือผลให้เหลือประมาณ 8-10 ดอก/ผล ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ของ
ทรงพุ่ม ภายในเวลาที่กำหนด (ไม่เกิน 4 สัปดาห์หลังดอกบาน) มีอิทธิพลต่อการพัฒนา
การของผล และต่อการเข้าชั้นมาตรฐานระดับต่างๆ จำนวนผลและ/หรือเปอร์เซ็นต์ของ
ผลมังคุดที่เข้าชั้นมาตรฐานระดับกลาง และระดับ Jumbo เพิ่มขึ้น
กรรมวิธีเสริมโดยการฉีดพ่นสารอาหารกึ่งสำเร็จรูป Crop Giant + Florigen
สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4-6 หลังดอกบาน จะมีอิทธิพลต่อการเพิ่มจำนวน
ผลที่เข้าชั้นมาตรฐานระดับกลางและระดับ Jumbo เช่นกัน กรรมวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการ
ทดลองไม่มีผลกระทบต่อน้ำหนักผลเฉลี่ย และผลผลิต/ต้น ของมังคุด
งานที่จะดำเนินการต่อไป
ทำการทดลองซ้ำในฤดูกาลผลิต 2537/2538 เพื่อยืนยันผล ก่อนรวบรวมข้อมูล
วิเคราะห์ และสรุปผลต่อไป