ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะคุณวุฒิ
( เรียบเรียงโดย ดร.ชยพร -
www.geocities.com/dr_chayaporn/ )
ลักษณะของต้นแก้วมังกร - แก้วมังกร หรือลูกมังกร (Dragon Fruit) เป็นพืชตระกูลเดียวกับตะบองเพชร ในตระกูล Hylocereus spp. ลำต้นสีเขียวดั่งมังกรจึ่งเรียกต้นของมันว่า ต้นมังกรเขียว(Green Dragon) เมื่อออกผลมาดูคล้าย "ลูกแก้ว" มีลักษณะลำต้นอวบน้ำเป็นแฉกสามแฉก มี หนามกระจุกอยู่ที่ข้างตาเป็นช่วง ๆ มีลักษณะคล้ายต้นโบตั๋น แต่ต้นโบตั๋นใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เพราะดอกของโบตั๋นหลังจากบานแล้วจะเหี่ยวและร่วงหล่นไป โดยไม่มีผลติดอยู่
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อพันธุ์แก้วมังกร ด้วยความคล้ายคลึงกันของแก้วมังกรและโบตั๋น จึงทำให้มีพ่อค้าจอม โกงบางคนนำกิ่งพันธุ์ของต้นโบตั๋นมาขาย โดยอ้างว่าเป็นกิ่งพันธุ์ของต้นแก้วมังกรดังนั้น จึงเป็นข้อควรระวัง สำหรับผู้ที่กำลังหากิ่งพันธุ์มาปลูก ลักษณะดอกและผลแก้วมังกร เมื่อดอกบานเต็มที่จะเหี่ยวและร่วงหล่นโดยส่วนโคนดอกจะเป็นรูปกลมรีหรือรูปไข่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว และยาวประมาณ 4 - 6 นิ้ว มีน้ำหนักระหว่าง 200 - 500 กรัม เปลือกมีสีสันสดใส สีแดงอมชมพู โดยมีบางส่วนของกลีบดอกเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ผลสีเขียว ทำให้ดูสวยงามสะดุดตา เมื่อผ่าผลออกมาจะพบว่าเนื้อในมีสีขาวขุ่น ภานในมีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้าย เมล็ดงาดำหรือแมงลักฝังตัวกระจายอยู่ทั่วไป เป็นจำนวนมาก
การปลูกแก้วมังกร แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อยลำต้นอ่อนจำเป็นต้องมีหลักให้ลำต้นเกาะยึดซึ่ง หลักจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเสาซีเมนต์ก็ได้ ถ้าใช้ท่อซีเมนต์เป็นเสาซึ่งรูปทรงกลมภายในกลวงแต่เทปูนไว้ก้นท่อ เพื่อไว้ใส่น้ำหล่อเลี้ยงให้เสามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ฝังท่อซีเมนต์ลงในดินประมาณ 40 -50 ซม. ต้องสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 -2 เมตร ด้านบนของเสาทำเป็นร้านให้กิ่งเกาะแผ่ขยายออกไประยะปลูก 3 x 3 เมตร เตรียมหลุมขนาด 30x30x30 ซม. รอบ ๆ หลัก หลักละ 4 หลุม สำหรับปลูกหลุมละ 1 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเก่า 1 ปุ้งกี๋ เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงหลุมแล้วมัดกิ่งพันธุ์ให้แนบหลักและกันแดดให้ 1 -2 สัปดาห์ การเตรียมพื้นที่ปลูก ควรยกแปลงหรือร่องปลูก มีความเป็นกรดด่าง ( pH ) ๖.๐ ดินมีการ ระบายน้ำดี
การขยายพันธุ์ใช้กิ่งปักชำ เพราะจะได้พันธุ์ตรงตามพันธุ์
ระยะปลูก ๓ x ๓ เมตร
ขนาดหลุมปลูก ๓๐ x ๓๐ x ๓๐ เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก + ปุ๋ยหมัก
การปลูกเตรียมหลุมปลูกรอบๆ หลักๆ ละ ๔ หลุม ( หลักละ ๔ ต้น ) เมื่อปลูกแล้วต้องทำ ร่มเงาให้ ๑ -๒ อาทิตย์
การทำค้าง หลักสูง ๑.๕๐ - ๒ เมตร เป็นไม้หรือปูนก็ได้ หลักด้านบนทำร้านเพื่อให้ต้นแตกกิ่งขนาดต้น ๕๐ x ๕๐ - ๑๐๐ x ๑๐๐ เซนติเมตร
การกำจัดวัชพืช เช่น ถอน ถาก หรือใช้สารเคมีพวกไกลโพเสท
การให้น้ำ ควรให้สม่ำเสมอดินชื้นอย่าให้แฉะ ควรกำหนดระยะเวลาการให้น้ำ เช่น ให้ทุกๆ ๕ , ๗ , ๑๐ วัน
การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอก + ปุ๋ยหมักให้มากๆ โดยใส่ หลังปลูกทุกๆ ๒ เดือน
การคลุมดินควรคลุมดินบริเวณใต้พุ่มให้ชื้น และป้องกันวัชพืช
การให้ผลผลิต ต้นแก้วมังกรที่เติบโตจากการใช้กิ่งปักชำเมื่ออายุได้ประมาณ 8 -10 เดือน จะให้ผลผลิต การเริ่มออกดอก จะออกบริเวณปลายกิ่ง มีลักษณะคล้ายดอกโบตั๋น คือมีสีเหลืองอมชมพูซึ่งสวยงามมาก จะบานในเวลากลางคืน อยู่ได้ประมาณ 2 -3 วัน จะเหี่ยวและร่วงไป เหลือผลที่มีกลีบเลี้ยงหุ้มหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ผลจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ โดยปกติใน 1 ปี ต้นแก้วมังกรจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 4 รุ่น ตั้งแต่ พฤษภาคมถึง สิงหาคม ของทุกปี ต้นแก้วมังกรจะเริ่มให้ดอกชุดแรก ในเดือนมีนาคมและดอกชุดสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม ลูกแก้วมังกรที่เก็บเกี่ยวจากต้นแล้วถ้านำมาใส่ถุงพลาสติกแล้วแช่เย็นจะสามารถเก็บรักษาได้ประมาณ 15 วัน โดยไม่เหี่ยวและเป็นการเพิ่มความหวานให้กับผลด้วย
การดูแลรักษาระหว่างปลูก โดยทั่วไปการปฏิบัติดูแลรักษาระหว่างปลูกค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นพืชทนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำมากเหมือนไม้ผลอื่น ๆ แต่ก็ควรหาเศษหญ้าแห้ง ฟาง หรือ แกลบเป็นวัสดุคลุมโคนต้นไว้เพื่อช่วย รักษาความชื้นของดินและป้องกันวัชพืชให้ปุ๋ยคอก เสริมด้วยปุ๋ยเคมี 2 - 3 เดือนต่อครั้ง โดยให้ปุ๋ยคอกหลักละประมาณ 1 ปุ้งกี๋ ส่วยปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หลักละ 1-2 ช้อนแกง และอาจมีการ ให้ปุ๋ยเคมีทางน้ำเสริมโดยเติมสาหร่ายทะเลสกัดทั้งนี้ ควรสังเกตความเจริญและการให้ผลของต้นแก้วมังกร ถ้าต้นยังงอกงามและให้ผลผลิตดี ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยมากเกินไป
โรคและแมลงที่สำคัญ ยังพบไม่มากจะมีเพียงมดและนกเท่านั้นสำหรับมดเมื่อพบว่า มีมากอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ปลูกได้ จึงจะใช้วิธีกำจัดโดยใช้สารเคมีฉีดพ่นพร้อมทั้งสารจับใบ ส่วนนกนับว่าเป็นศัตรูที่สำคัญไม่น้อย เพราะนกจะเข้าจิกทำลายในขณะที่ผลกำลังใกล้แก่ ซึ่งวิธีป้อง กันทำได้โดยการห่อผล
การตลาดรองรับ ผู้ที่ปลูกแก้วมังกรเพื่อการค้า ถึงแม้ว่าขณะนี้ผลไม้ชนิดนี้กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะราคาค่อนข้างสูง และเป็นที่ต้องการของต่างประเทศก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง ได้หรือไม่เพราะยังไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีการปลูกกันมากขึ้น เกษตรจะประสบปัญหาด้านตลาดหรือราคาเหมือนเช่นที่พืชเศรษฐ กิจบางชนิดเคยได้รับมา
การลงทุนและผลตอบแทน เนื่องจากแก้วมังกรเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 8,000 -12,000 กก. (เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป) และอายุการให้ผลผลิตยาวนานถึง 10 -15 ปี หากระดับราคาหน้าสวนลดลงมาอยู่ในราคาประมาณ 30 บาท/กก. เกษตรกรผู้ปลูกก็ยังมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท / ไร่ ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี ก็คืนทุนแต่การลงทุนครั้งแรกค่อนข้างสูงถึง 80,000 - 120,000 บาท/ไร่