โครงการส่งเสริมวิถีชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ปลูกข้าวปลอดสารพิษไว้กินเอง ทำอย่างไรจึงจะมีข้าวกินในราคาที่ถูกลง แม้ว่าราคาข้าวสารจะแพงขึ้น เรามารวมกลุ่มกันผลิตข้าวกินเองดีกว่า ต้นทุนการผลิตข้าวสารถังละ ไม่เกิน 180 บาท (ราคาข้าวสาร ณ ปัจจุบัน 420 บาท/ถัง) แม้ว่าไม่มีเวลา หรือ ไม่มีโอกาส หรือ ไม่มีที่ดินทำกิน แต่อยากทำนาปลูกข้าวไว้กินเองบ้าง ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร พวกเราก็ต้องมีข้าวกิน ร่วมลงทุนปลูกข้าวไว้กินเอง ผมมีพื้นที่ 14 ไร่ ที่ราชบุรี ต้องการปลูกไว้กินเอง 1 ไร่ ดังนั้น ต้องการผู้ร่วมอุดมการณ์เพียง 13 ท่าน ที่ต้องการปลูกข้าวปลอดสารพิษ ไว้กินเอง พูดคุยกันก่อนได้ครับ กระผม...วิทย์ 080-6604258
การผลิตข้าว ของเกษตรกรมีจุดมุ่งหมายผลิตไว้ขาย ฉีดยาฆ่าแมลงมากมายมหาศาล เพราะกลัวแมลงมากินข้าว ฉะนั้นข้าวสารที่เรากินต้องมีสารพิษ เพราะสารพิษติดอยู่ที่ข้าวเปลือก เวลาทำข้าวเปลือกเป็นข้าวสารหรือการสีข้าว ต้องมีการปนเปื้อน แต่มีปริมาณที่น้อย ทำให้เราตรวจสอบไม่เจอ คนจึงเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น
คนเราทุกวันนี้ตั้งอยู่ในความประมาทในเรื่องของอาหาร ไม่มีแหล่งผลิตอาหารเป็นของตัวเอง ประกอบกับไม่มีเวลาเพียงพอ คนเข้าไปอยู่ในภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนมาก วันนี้โลกเกิดภาวะวิกฤต ประเทศไทยมีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากว่าภาคเกษตรของเราเข้มแข็ง ผลผลิตอาหารเพียงพอ รายได้หลักของประเทศไทยมาจากเกษตรกรรมไม่ใช่อุตสาหกรรม ประเทศที่มีภาคอุตสาหกรรมเข้มแข็งประสบปัญหามากที่สุด เช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส คนตกงานมีเป็นจำนวนมาก ต้องพึ่งสถานสงเคราะห์ในเวลานี้ ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร อดตาย ไม่ใช่เรื่องตลก แต่หัวเราะได้ แล้วก็ตาย คนที่มีอาหารไม่มีเงินแต่อยู่ได้ ยิ้มแล้วหัวเราะ สบายใจ เรามีอาหารปลอดสารไว้กิน
ผมเข้าไปเรียนเกษตรด้วยใจรัก จนจบปริญญาตรี โรงเรียนสอนให้เราผลิตอย่างเดียว โดยไม่ได้มองถึงการรองรับของตลาด เช่น ลำใยปลูกได้แต่ทางภาคเหนือ สินค้าก็ล้นตลาดอยู่แล้ว นักเรียนเกษตรก็ได้คิดค้นให้ลำใยปลูกได้ทั้งประเทศ ทำให้ลำใยล้นตลาดเป็น 4 เท่า นักเรียนเกษตรก็ได้ทำการพัฒนาขึ้นไปอีกทำให้ลำใยออกนอกฤดูได้อีก ทำให้ลำใยล้นตลาดเป็น 8 เท่า นักเรียนเกษตรของประเทศไทยมีความรู้ความสามารถ ในการผลิตสินค้าทางเกษตร จนบริโภคไม่ทันล้นตลาดอยู่ตลอดเวลา เป็นที่มาของการขาดทุนของเกษตรกรไทย ไม่ใช่ว่าเกษตรกรไทยปลูกลำใยไม่ขึ้น ลำใยที่ปลูกขึ้นดี เพราะเกษตรกรทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการผลิต จนสินค้าล้นตลาด รางวัลที่ได้ คือ การขาดทุนและยากจน
วันนี้ในหลวงได้พระราชทานตลาดมาให้แล้ว คือ ครอบครัวของเราเอง คือทำพอประมาณ ปลูกไว้กินเอง เหลือถึงขาย ตามแนวทาง "เศรษฐกิจพอเพียง"
ผมเป็นชาวนาที่เคยปลูกข้าวไว้ขาย ผมเชื่อในหลวง เปลี่ยนมาปลูกข้าวไว้กินเอง 1 ไร่ อีก 13 ไร่ แบ่งให้เพื่อนมาช่วยปลูก เราเป็นคนดูแล เรามีข้าวกิน สินค้าไม่ล้นตลาด เพื่อนมีข้าวกินในราคาที่ถูก ลดต้นทุนค่าครองชีพ มีอาหารเพียงพอ ตลาดคือครอบครัวของตัวเราเอง ที่สำคัญที่สุด มีแหล่งผลิตอาหารไว้กินเอง มีความไม่ประมาทในเรื่องอาหาร ไม่ว่าโลกจะเกิดภาวะอย่างไรก็ตาม
ถ้าสนใจต้องรีบโทรมาด่วน เริ่มหว่านข้าว 10 กุมภาพันธ์ นี้
ต้นทุนการผลิตข้าว/ไร่ รุ่นที่ 1 1. ค่าเช่าที่ (1 ปี ทำได้ 2-3 รุ่น) 1,000 บ./ไร่/ปี 2. ค่าปรับพื้นที่ (ครั้งแรกครั้งเดียว) 1,000 บ./ไร่ 3. ค่าเตรียมดินปลูก(รถปั่นดินและทำเทือก) 500 บ. 4. ค่าพันธุ์ข้าว (2.5 ถัง) 500 บ./ไร่ 5. ค่าปุ๋ย (16-20-0 = 35 กก.,46-0-0 = 20 กก.) 1,000 บ./ไร่ 6. ค่าสารไล่แมลง (น้ำหมักชีวภาพ, น้ำส้มควันไม้, จุลินทรีย์) 500 บ./ไร่ 7. ค่าน้ำมัน 500 บ. 8. ค่าเก็บเกี่ยว (ค่ารถเกี่ยว, รถขนข้าว, ตากข้าว, จัดเก็บ) 1,000 บ. 9. ค่าแรงงาน (ใช้แรงงาน 5 แรง ตลอดระยะเวลาการปลูกข้าว 120 วัน) 1,000 บ./ไร่
*********** รวมแล้ว = 7,000 บาท/ไร่ *********
ผลผลิตที่คาดว่าจะได้ รุ่นที่ 1
กรณีข้าวเปลือก 800 - 1,000 กก./ไร่ เฉลี่ย 900 กก./ไร่ ราคาที่รัฐบาลรับจำนำ 10,000 - 12,000 บาท/ตัน เฉลี่ย 11,000 บาท/ตัน รายรับที่ได้ = 0.9 * 11,000 = 9,900 บาท/ไร่ รายรับสุทธิ = 9,900 - 7,000 = 2,900 บาท/ไร่ (หมายเหตุ : ชาวนาจน โรงสีรวย)
กรณีข้าวสาร 560 - 700 กก./ไร่ เฉลี่ย 630 กก./ไร่ = 42 ถัง (หมายเหตุ : ปริมาณข้าวสารที่จะได้ ขึ้นอยู่กับคุณภาพข้าวเปลือกและเครื่องมือการสี) ข้าวสาร 1 ถัง = 15 กก. = 400 บาท รายรับที่ได้ = 42 * 400 = 16,800 บาท/ไร่ รายรับสุทธิ = 16,800 - 7,000 = 9,800 บาท/ไร่ สรุปว่า ข้าวสารที่เราผลิตเองในรุ่นนี้ ถังละ 7,000/42 = 167 บาท/ถัง หรือ 12 บาท/กก.
** สำหรับการปลูกข้าวในรุ่นที่ 2 ต้นทุนการผลิตจะประหยัดลงไปมาก เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในข้อ 1,2,4,6 จะเหลือต้นทุน 4,000 บาท/ไร่ *** สำหรับการปลูกข้าวในรุ่นที่ 3 เสมือนไม่มีค่าต้นทุนอะไรอีกแล้ว เพราะเรามีกำไรจากรุ่นที่ 2 มาดำเนินการต่อ
|