เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 51
นายบัณฑิต ตันศิริ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เผยว่า พ.ร.บ.พัฒนาที่ดินอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเตรียมการประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 60 วัน หลังจากที่ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ กรมฯจะดำเนินการประกาศเขตอนุรักษ์ดินและน้ำโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง ต่อการถูกชะล้างพังทลายของหน้าดินและดินถล่มรวมทั้งพื้นที่เสี่ยงต่อภัยสารเคมี หรือสารปนเปื้อนที่มีผลกระทบต่อการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ได้กำหนดพื้นที่เป็นโครงการนำร่อง 3 โครงการ ได้แก่ ที่อำเภอแม่ตาว จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่เสี่ยงภัยสารเคมีปนเปื้อน จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นเขตพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการชะล้างพังทลายของหน้าดินและดินถล่ม และที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเขตดินถล่มและน้ำพัดพาตะกอนดิน
นายบัณฑิตเผยอีกว่า สาเหตุที่ต้องประกาศเขตอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มและสารเคมี เนื่องด้วยปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ดินถล่ม หรือแม้กระทั่งปัญหาสารเคมีล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกพืช ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนทั้งผลผลิตตกต่ำ รายจ่ายเพิ่ม รายได้ลดลง จึงจำเป็นต้องเร่งเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเหล่านี้ โดยการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาให้สามารถนำพื้นที่กลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน
“การประกาศเขตอนุรักษ์ดินและน้ำแต่ละแห่งจะต้องให้เกษตรกร เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าต้องการดำเนินการอะไร ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปแก้ไขปัญห าให้กับเกษตรกรอย่างเต็มที่หากเกษตรกรที่ประสบปัญหาเรื่องดิน ที่ทำให้การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ไม่ได้ผลผลิตเท่าที่ควร ขอให้แจ้งได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัด หรือหมอดินอาสาที่ใกล้บ้าน” อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินกล่าว.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=78800