เคาะประตูชาวประมงรณรงค์ปิดอ่าวฯ ฤดูปลามีไข่
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 51
เคาะประตูชาวประมงรณรงค์ปิดอ่าวฯ ฤดูปลามีไข่
เนื่องมาจากการศึกษาวิจัยทางวิชาการของกรมประมง ซึ่งปรากฏผลเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคมของทุกปี พื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งซึ่งสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหลายชนิดโดยเฉพาะปลาทู ได้อาศัยวางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ทางราชการได้กำหนดมาตรการบริหารจัดการ เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ มีความสมดุลกับศักยภาพการผลิตของธรรมชาติ และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 24 มกราคม 2550 กำหนดให้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นฤดูห้ามทำการประมงด้วยเครื่องมือประมงบางชนิดในพื้นที่ดังกล่าว รวมพื้นที่ประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร หรือ 16.5 ล้านไร่ โดยจะมีการจัดพิธีประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ในวันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ณ บริเวณท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา ตำบลปากน้ำชุมพร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากที่กรมประมงศึกษาและติดตามผลทางชีววิทยาของสัตว์น้ำในอ่าวไทยที่ผ่านมาปรากฏว่าบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งที่มีสัตว์น้ำที่มีคุณค่าและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสัตว์น้ำจะเข้ามาวางไข่และเลี้ยงตัวในวัยอ่อนและเจริญเติบโตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ของทุกปีนั้น ทางกรมประมงจึงได้กำหนดพื้นที่บางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เป็นเขตบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลามีไข่ขึ้น โดยการตั้งศูนย์เฉพาะกิจฯ มีการแบ่งกลุ่มคณะทำงานให้มีผู้รับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม
จากผลการดำเนินงานปรากฏว่ายังมีชาว ประมงบางกลุ่มไม่ให้ความร่วมมือกับทางราชการ ขาดความรับผิดชอบในการทำการประมง โดยการเข้าไปลักลอบทำการประมงจนถูกจับกุมจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการรณรงค์ และประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มชาวประมงโดยตรงให้ชุมชนชาวประมงในท้องถิ่นได้เข้าใจในวัตถุประสงค์ พร้อมมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรกรมประมง และเห็นความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำในชุมชนของชาวประมงเอง กรมประมงโดยฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ส่วนบริหารจัดการประมงทะเล จึงได้จัดทำโครงการ “เคาะประตูบ้านชาวประมงรณรงค์ปิดอ่าวฯ” ขึ้นในพื้นที่อ่าว 3 จังหวัด
ทั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการปิดอ่าวฯ ให้พี่น้องชาวประมงทราบ เข้าใจ และให้ความร่วมมือกับทางราชการอย่างทั่วถึงทุกชุมชนประมง ด้วยการชี้แจงรายละเอียดที่เกี่ยวกับข้อห้ามตามมาตรการปิดอ่าวฯ พร้อมทั้งรับทราบปัญหาในการประกอบอาชีพประมงอีกด้วย โดยพื้นที่ดำเนินการจะเป็นชุมชนชาวประมงบริเวณพื้นที่ติดชายทะเล จำนวน 67 ชุมชน 19 อำเภอในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี โดยดำเนินการตั้งแต่มกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งยังผลให้ชาวประมงได้ทราบ และเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการทำการประมงในฤดูปลาวางไข่และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน อันจะก่อให้เกิดความร่วมมือกับทางราชการและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในพื้นที่ที่มีมาตรการปิดอ่าวฯ ของทั้ง 3 จังหวัด คือประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=154552&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น