'เกษตรอินทรีย์ วีถีไทย' ก้าวใหม่ของเกษตรกร
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 51
'เกษตรอินทรีย์ วีถีไทย' ก้าวใหม่ของเกษตรกร
เกษตรกร ไม่ว่าจะภาคไหน ๆ ก็มักประสบกับปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ “หนี้สิน” ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย จึงไม่รอช้าจัด งานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติและตลาดนัดคุณธรรม ครั้งที่ 3 แนะทางเลือกสำหรับเกษตรกรในการที่จะหลุดพ้นจากปัญหาที่ยากจะหาทางแก้ไขอย่าง “หนี้สิน” ด้วยวิธีแสนง่ายด้วยการยึดหลัก “เกษตรอินทรีย์ วิถีไทย” ที่มีมาแต่โบราณนั่นเอง
เริ่มที่ อ.ภาณุ พิทักษ์เผ่า นายกสมาคมเกษตรอินทรีย์ วิถีไทย จาก จ.สงขลา ที่ผันตัวจากอาจารย์ มายึดอาชีพเกษตรกรเพื่อพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง ด้วยการเล็งเห็นถึงปัญหาหนี้สินที่เกษตรกรต้องเจอจึงทำให้เกิดแนวทางในการแก้ไข โดย อ.ภาณุ เล่าว่า “ในการเป็นเกษตรกรที่ดีนั้น อย่างแรกที่ควรมีนั่นก็คือ คุณธรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการเป็นเกษตรกร เพราะหากเกษตรกรมีคุณธรรมในการประกอบอาชีพแล้วนั้น ผลดีต่าง ๆ ก็ย่อม จะตามมาอย่างแน่นอนครับ อย่างที่จังหวัดสงขลา เราก็จะมีศูนย์การเรียนรู้ เพื่อสร้างและพัฒนาให้เกิดเกษตรกรที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม และที่สำคัญที่สุดเกษตรกรของเราทุกคนยึดหลักความพอเพียงตามรอยพระราชดำริของในหลวงของเรา ยึดหลักเกษตรอินทรีย์ วิถีไทย ทำให้ผลผลิตของที่นี่มีคุณภาพไม่ปนเปื้อนสารเคมี และที่สำคัญทำให้เกษตรกรที่นี่ปลอดหนี้สินได้อย่างเห็นได้ชัด”
โดย อ.ภาณุ ยังทิ้งท้ายในการ เลือกเป็นเกษตรอินทรีย์ วิถีไทยไว้อีกด้วยว่า “เกษตรกรถือเป็นผู้ที่ผลิตอาหารให้คนทั้งประเทศ หรือทั่วโลก ถ้าขาดคุณธรรมในการเป็นเกษตรกร ก็จะเป็นเพียงลูกจ้างในไร่นาเท่านั้น ยิ่งถ้าผลิตสินค้าที่ปนเปื้อนสารเคมีก็เหมือนเป็นการสร้างบาป ชีวิตเลือกได้ จงเลือกเดิน ตามแนวทาง เกษตรอินทรีย์ วิถีไทย เลือกใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เลิกสร้างบาปด้วยสารเคมีเพื่อชีวิตที่ดีไม่มีหนี้สิน” อ.ภาณุกล่าว
มาปิดท้ายกันที่เกษตรกรทางภาคตะวันออก กับการหักดิบ จากเกษตรเคมี มาเป็นเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถือเป็นก้าวใหม่ที่นำพาชีวิตใหม่ของชาวชุมชน ต.ทุ่งนนทรี อ.เขาเสม็ด จ.ตราด ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยมี นายกฤตภาส ทองเพชรบูรพา ผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของทุกคนในชุมชน “ในช่วงแรกผมก็ได้พาคนในชุมชนไปศึกษาดูงานเกษตรอินทรีย์ก่อนเพื่อเป็นแนวทาง ซึ่งเมื่อทุกคนตกลงพร้อมใจที่จะเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์แล้ว ผลที่ได้รับก็ตามมามากมาย ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย ก็คือสามารถลดรายจ่ายได้ถึง 70% และทำให้ทุกคนในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของสุขภาพ ต้นทุนการผลิต และหนี้สินที่ค่อย ๆ หมดลงเพราะไม่ต้องไปพึ่งสารเคมีที่มีราคาสูงขึ้นทุกวัน ๆ และยังไม่ทำร้ายพืชผล รวมไปถึงทำร้ายผู้บริโภคอีกด้วย ยิ่งในปัจจุบันนี้เกษตรอินทรีย์มีทางรอดมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถเห็นผลชัดเจนมากขึ้นด้วย ตั้งแต่การปรับสภาพดิน ฟื้นฟูดิน จัดการเชื้อโรคในดิน จนถึงช่วงเจริญเติบโต บำรุงดอกผล รวมไปถึงการรักษาโรค เกษตรกรทุกคนก็สามารถจะจัดการได้ด้วยแนวคิดของเกษตรอินทรีย์ซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติ เลิกคิดเรื่องการใช้สารเคมีไปได้เลย”
ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการก้าวสู่เกษตรกรยุคใหม่ ที่ต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากจะไม่มีหนี้แล้ว ยังมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีตามมาอีกด้วย เพราะฉะนั้นเกษตรกรยุคใหม่เลิกใช้สารเคมี เลือกเดินตามทาง “เกษตรอินทรีย์ วิถีไทย” ก้าวสู่ชีวิตใหม่ของการเป็นเกษตรกรอย่างแท้จริง
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=155034&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น