เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 51
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านการส่งออกกุ้งของไทยในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเรื่องค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งทั้งจีน เวียดนาม และอินโดนีเซียที่สามารถตั้งราคาจำหน่ายได้ต่ำกว่าไทย โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ส่งออกสินค้ากุ้งของไทยได้ปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ดังนั้น เพื่อให้การส่งออกกุ้งของไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ในปี 2551 นี้ ทางสมาคมฯ จะเน้นการเจาะตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิม โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น ที่สินค้ากุ้งของไทยยังสามารถแข่งขัน ได้เนื่องจากค่าเงินบาทและค่าเงินเยนของไทยมีอัตราค่าเงินที่แข็งค่าใกล้เคียงกัน ประกอบกับไทยได้ประโยชน์จาก JTEPA ที่สามารถส่งออกสินค้ากุ้งและกุ้งแปรรูปได้ในอัตราภาษีนำเข้า 0% อีกทั้งคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่เน้นในเรื่องความปลอดภัยของสินค้าซึ่งทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น น่าจะเป็นโอกาสดีที่ไทยจะสามารถขยายการส่งออกสินค้ากุ้งไปยังตลาดในญี่ปุ่นได้ โดยในปีนี้ตั้งเป้าที่จะขยายการส่งออกกุ้งไปญี่ปุ่นจากเดิมที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ราว 17-20% ของการส่งออกทั้งหมด เป็น 30-40%
นอกจากนั้น ในช่วงเดือนมิถุนายน ทางสมาคมฯ จะเดินทางไปเปิดตลาดสินค้ากุ้ง และสินค้าประมงแปรรูปในรัสเซีย พร้อมกับศึกษาข้อมูลทางการตลาดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการการนำเข้าสินค้า รูปแบบการชำระเงิน และศูนย์กระจายสินค้า เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าประมงจากทางการรัสเซีย โดยมีโรงงานที่เป็นสมาชิกของสมาคมและผ่านการรับรองถึง 101 โรงงาน
ด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สินค้ากุ้งของไทยมีจุดแข็งในเรื่องคุณภาพสินค้า มาตรฐานการผลิต รสชาติ และความปลอดภัยของสินค้า จึงทำให้ประเทศคู่ค้าเชื่อมั่นใจสินค้าของไทย ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าในปี 2551 สินค้าส่งออกกุ้งของไทยจะส่งออกได้มูลค่าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 27 มีนาคม 2551
http://www.naewna.com/news.asp?ID=101654