เมื่อวันที่ 3 เมษายน 51
ปัจจุบันความต้องการบริโภคอาหารของผู้บริโภคทั่วโลกได้หันมาให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณภาพต่อร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะการเจือปนและการตกค้างจากสารเคมีที่เกิดขึ้นในช่วงการผลิต หลายประเทศที่เป็นประเทศนำเข้าสินค้ามีความเข้มงวดในการตรวจสอบ สำหรับประเทศไทยนับว่าปัญหานี้มีผลกระทบโดยตรงเนื่องจากเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกในสินค้าหลายชนิดด้วยกัน ส่วนงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนเกษตรกรผู้ผลิตต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยมีการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มคุณภาพของผลผลิตอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีของการเลี้ยงกุ้งเป็นต้น
ล่าสุดจากการเปิดเผย ของ นายจิตรกร สามประดิษฐ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์อีกหนึ่งองค์กรภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เปิดเผยว่า ทางชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งทั่วประเทศ ได้ทำการเลี้ยงกุ้งชีวภาพ โดยปราศ จากสารเคมีหรือยาปฏิชีวนะต้องห้ามทุกชนิด ซึ่งผู้เลี้ยงกุ้งจะต้องยึดหลักสำคัญ คือการใช้สาหร่ายไส้ไก่ปลูกในโรงบ่อเลี้ยงกุ้งเพื่อสร้างระบบนิเวศ งดใช้สารเคมีทุกชนิดในระหว่างการเลี้ยง แต่จะใช้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในการเพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผลผลิตกุ้งที่ได้จะมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าจะได้บริโภคกุ้งที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ
โดยทางสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำสามร้อยยอด-ปราณบุรี จำกัด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้คิดค้นและริเริ่มทำขึ้นเป็นที่แรกในประเทศไทย ซึ่งการเลี้ยงกุ้งแบบชีวภาพนี้ จะทำให้ผลผลิตกุ้งที่ได้มีมาตรฐานในการผลิต มีคุณภาพสูงกว่ากุ้งที่ขายในตลาดทั่วไป และตรงมาตรฐานการเลี้ยงแบบ GAP ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากตลาดทั่วโลก
“การเลี้ยงกุ้งชีวภาพหรือไบโอติค มีหลักเกณฑ์ใหญ่ ๆ อยู่ 3-4 หลักเกณฑ์ คือ 1.ถอดสารเคมีออกให้หมด สารเคมีที่ว่าคือสารเคมีต้องห้าม 2.ถอดยาปฏิชีวนะต้องห้ามออกจากระบบการเลี้ยงออกให้หมด 3.เลี้ยงโดยการใช้จุลินทรีย์ควบคุมโรค จุลินทรีย์ดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สามารถควบคุมโรคได้ 4.ให้มีพันธุ์ไม้น้ำที่เกื้อกูลต่อการเลี้ยงอยู่ในบ่อ ซึ่งเราจะใช้สาหร่ายไส้ไก่ เนื่องจากสาหร่ายไส้ไก่จะสร้างสัตว์หน้าดิน และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หน้าดิน โดยสัตว์หน้าดินเหล่านี้จะเป็นอาหารของกุ้งอีกที” นายจิตรกร กล่าว
ทางด้านนายภิญโญ เกียรติภิญโญ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า สาหร่ายไส้ไก่ที่นำมาใช้ในการเลี้ยงกุ้งชีวภาพ เป็นสาหร่ายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในเขตอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน แต่ละสหกรณ์จะมีบ่อเลี้ยงสาหร่ายเพื่อแจกจ่ายให้กับสมาชิกสหกรณ์ โดยสาหร่ายจะเป็นตัวสร้างสัตว์หน้าดินเพื่อเป็นอาหารของกุ้ง ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางด้านอาหารได้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือสาหร่ายจะเป็นตัวช่วยดึงปุ๋ยหรือแอมโมเนียออกจากระบบน้ำทำให้ระบบน้ำมีสุขภาพดี และมีความใส ด้วยการเลี้ยงวิธีนี้ เป็นการเลี้ยงในรูปแบบปริมาณที่เบาบางไม่หนาแน่น จากเดิมที่เคยเลี้ยง 100,000 ตัว/ไร่ เหลือ 40,000-50,000 ตัว/ไร่ ลดลงครึ่งต่อครึ่ง ทำให้สามารถเลี้ยงกุ้งได้ไซซ์ ขนาดใหญ่ จำนวน 35-40 ตัว/ กิโลกรัม ในขณะที่การเลี้ยงแบบหนาแน่นจะได้ 60-70 ตัว/ กิโลกรัม ฉะนั้น การเลี้ยงกุ้งจะได้ราคาจากการเลี้ยง แบบชีวภาพ และตัวกุ้งที่มีไซซ์ ขนาดใหญ่
“ในแต่ละสหกรณ์จะต้องมีการจำกัดสมาชิกเพราะการมีสมาชิกเยอะ ๆ เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งแต่ละสหกรณ์เราจะมีปัจจัยการผลิตให้ด้วย เช่น ลูกกุ้ง อาหารกุ้ง วิธีการเลี้ยง วิธีการเลี้ยงต้องใช้ระบบของเราทั้งหมด ตลาดก็ต้องขายให้เรา แล้วที่นี่คือชุมนุมสหกรณ์ สมาชิกมาขายให้ชุมนุมฯ ชุมนุมฯทำการตลาดอย่างเดียว แต่ละสหกรณ์ที่จะลงกุ้งต้องทำตามสัญญา คือต้องมีสัญญาเกิดขึ้นก่อน เพราะฉะนั้นสัญญาจะระบุว่าจะทำกุ้งไซซ์ไหน ทีนี้พอลงกุ้งแล้วข้อมูลต่าง ๆ ก็จะถูกส่งมาที่ชุมนุมสหกรณ์ฯ ข้อมูลก็จะมีทั้งที่สหกรณ์นั้น ๆ และที่ชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่ากุ้งที่บริโภคอยู่นี้มาจากสหกรณ์ไหน เรามีระบบตรวจสอบ ย้อนกลับได้” นายภิญโญ กล่าว
ส่วนเรื่องทางด้านการตลาดที่จะรองรับกุ้งชีวภาพของทางสหกรณ์ฯ นั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มอบพื้นที่ศูนย์พัฒนาธุรกิจสหกรณ์ ซึ่งอยู่ติดกับตลาดไท เป็นจุดจำหน่ายกุ้งให้กับทางชุมนุมฯ ทั้งการขายส่งและปลีก ถือเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้ากุ้งไปสู่ผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาค ผู้ที่สนใจจะสั่งซื้อกุ้งจากทางชุมนุมฯ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลข 08-9789-7885
สำหรับตลาดกุ้งในต่างประเทศนั้น ขณะนี้ตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ทำให้ไม่มีการสั่งซื้อกุ้งจากเมืองไทย เพราะฉะนั้นการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกาจึงหยุดชะงัก ทางชุมนุมสหกรณ์ฯ เลยหันกลับมามองตลาดในประเทศมากขึ้น และได้ลดราคาลงถูกกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้คนไทยได้บริโภคกุ้งในราคาที่ถูกลงด้วยนั่นเอง
“ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้มองตลาดต่างประเทศแห่งใหม่ คือ ประเทศญี่ปุ่น และตอนนี้ได้ร่วมมือกับ บ.Harnet Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารและกุ้งไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น โดย บ.Harnet Corporation ได้ส่งตัวแทนเดินทางมาเจรจาสั่งซื้อกุ้งชีวภาพกับชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย จำกัด และหารือถึงแนวทางในการส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์กุ้งชีวภาพของไทยในประเทศญี่ปุ่น โดยทางบริษัทของญี่ปุ่นพร้อมชุมนุมสหกรณ์ฯ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะร่วมกันส่งเสริมผลิตภัณฑ์กุ้งชีวภาพของไทยให้เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต” ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าว.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 3 เมษายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=159532&NewsType=1&Template=1