เครื่องดื่มเสริมสุขภาพจาก 'กาหยู' เพิ่มมูลค่าแก่ผลไม้ท้องถิ่น.
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 51
งาน “เปิดโลกทัศน์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 45 ปี วว.” ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เมื่อไม่นานมานี้ มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ...นับว่าเป็นผลงานที่อินเทรนด์มากเพราะเดี๋ยวนี้ทุกสิ่ง ทุกอย่างต้องคำนึงถึงสุขภาพเป็นสำคัญ เครื่องดื่มที่ว่านั้นได้แก่ เครื่องดื่มผลไม้รวมเพื่อสุขภาพไลโคเอ็ม เครื่องดื่มสุขภาพกาหยู เครื่องดื่มสุขภาพกล้วยหอม เครื่องดื่มสุขภาพมังคุด...วันนี้จะกล่าวถึงเครื่องดื่มสุขภาพ “กาหยู” ซึ่งก็คือ มะม่วงหิมพานต์นั่นเอง มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ผลพื้นเมืองของอเมริกาใต้ มีการขยายพันธุ์อย่างกว้างขวางในทวีปแอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ หมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตลอดจนทวีปเอเชีย ประเทศที่ส่งออกรายใหญ่ได้แก่ อินเดีย เวียดนามและบราซิล โดยทั้ง 3 ประเทศนี้มีปริมาณส่งออกรวม 90% ของทั่วโลก
ดร.ราเชนทร์ วิสุทธิแพทย์ ฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพ วว. กล่าวว่า ฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพได้ดำเนินโครงการแปรรูปผลมะม่วงหิมพานต์เมื่อปี 2550 และประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาน้ำมะม่วงหิมพานต์ชนิดเข้มข้นภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มเสริมสุขภาพกาหยู มีความหวานประมาณ 70 องศาบริกซ์ เหมาะสำหรับเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ โดยเจือจางกับน้ำสะอาดหรือใช้เพิ่มความหวานให้กับเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น ชา หรือสามารถผสมโซดาดื่มเพื่อความสดชื่นของร่างกายก็ได้เช่นกัน
“จากการวิเคราะห์ตัวอย่างผลิตภัณฑ์นี้ โดยศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. พบว่า ใน 100 มิลลิลิตร จะให้พลังงาน 37.84 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 9.26 กรัม น้ำตาล 8.38 กรัม ใยอาหาร 0.13 กรัม โปรตีน 0.20 กรัม โซเดียม 9.23 มิลลิกรัม แคลเซียม 1.30 มิลลิกรัม เหล็ก 0.071 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.02 มิลลิ กรัม วิตามินบี 60.04 มิลลิกรัม และมีวิตามินซีสูงถึง 197.21 มิลลิกรัม ทั้งนี้วิเคราะห์ไม่พบปริมาณของไขมันและคอเลสเตอรอลแต่อย่างใด”
ดร.ราเชนทร์ กล่าวอีกว่า น้ำมะม่วงหิมพานต์ มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งทำให้มีประโยชน์หลายอย่าง ดังนี้ ดื่มแล้วทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าไม่อ่อนเพลีย, ช่วยลดอาการอักเสบ การติดเชื้อของหลอดลม ทำให้ปอดแข็งแรง, ดื่มเป็นประจำลดโอกาสเป็นไข้หวัด ลดอาการภูมิแพ้ทำให้การหายใจดี, ช่วยลดอาการเจ็บคอ ระคายเคือง ลดเสมหะ ลดอาการไอ ลดอาการตีบของหลอดลม, ช่วยในการปรับความสมดุลของหยินและหยางในระบบร่างกาย
สำหรับมะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชที่ลงทุนต่ำ ทนแล้ง ปลูกง่าย เติบโตเร็ว ดูแลง่าย ขึ้นได้ดีในดินทุกชนิดที่มีการระบายน้ำดี มีการปลูกมะม่วงหิมพานต์ทั่วประเทศประมาณ 180,000 ไร่ ที่จังหวัดระนองเป็นแหล่งปลูกมะม่วงหิมพานต์คุณภาพดีแห่งหนึ่ง โดยปลูกกันมากที่เกาะพยาม และเกาะช้าง ทาง วว. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลมะม่วงหิมพานต์เป็นน้ำมะม่วงหิมพานต์ชนิดเข้มข้นให้แก่ชาวสวนผู้ปลูกมะม่วงหิมพานต์ในจังหวัดระนอง ซึ่งเรื่องนี้คุณวสันต์ สุขสุวรรณ แห่งสำนักงานเกษตรจังหวัดระนอง มีข้อมูลมาว่ามีวิธีการทำดังนี้
1. นำผลมะม่วงหิมพานต์สุกจัด ล้างทำความสะอาด แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2. นำผลมะม่วงหิมพานต์ใส่ถุงอัดไฮดรอลิค หรือเครื่องคั้นน้ำแบบสกรูเพรส
3. นำน้ำมะม่วงหิมพานต์ปรับความหวานด้วยน้ำตาลทรายให้ได้ค่า 20 บริกซ์ แล้ว เติมเกลือ 0.75% (น้ำหนักต่อปริมาตร) และกรดซิตริก 0.1% (น้ำหนักต่อปริมาตร)
4. นำน้ำมะม่วงหิมพานต์ที่ปรุงแต่งเรียบร้อยแล้วเข้าสู่กระบวนการทำน้ำมะม่วงหิมพานต์ เข้มข้น จากปริมาตร 100% ให้เหลือเพียง 25% โดยใช้กระบวนการระเหยน้ำอุณหภูมิต่ำ
5. บรรจุน้ำมะม่วงหิมพานต์ที่อุณหภูมิที่ 60 องศาเซลเซียส โดยขวดที่บรรจุผ่านการล้างทำความสะอาดและผ่านการนึ่งนาน 10 นาที
6. นำน้ำมะม่วงหิมพานต์ที่บรรจุขวด ผ่านการพาสเจอไรซ์ โดยการนำขวดบรรจุน้ำผลไม้เข้มข้น แช่น้ำร้อนให้อุณหภูมิถึง 63 องศาเซลเซียสเป็น เวลานาน 30 นาที แล้วแช่เย็นทันที ที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาที
สำหรับน้ำมะม่วงหิมพานต์เข้มข้นจะมีรสชาติฝาด หวาน อมเปรี้ยว สำหรับช่องทางการตลาดน่าจะไปได้ดี เนื่องจากน้ำมะม่วงหิมพานต์มีวิตามินซีสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ น่าลิ้มลอง.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 3 มิถุนายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=165811&NewsType=1&Template=1
ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Postharvest Technology Innovation Center
เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology
