หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน
ความสำเร็จของการผลิตกล้วยไม้สกุลหวายที่กระทุ่มแบน
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 51
ความสำเร็จของการผลิตกล้วยไม้สกุลหวายที่กระทุ่มแบน
ข้อได้เปรียบของการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ในประเทศไทยมีอยู่หลายประการ อาทิ ต้นทุน Lab ในการปั่นตาจะใช้เงินทุนประมาณ 3 บาทต่อต้นเท่านั้น ซึ่งนับว่าถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับ Lab จากต่างประเทศ ประการต่อมาสภาพดินฟ้าอากาศในบ้านเรามีความเหมาะสมในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ได้ทั่วประเทศ ถ้าเป็นพื้นที่ลุ่มภาคกลางในเขต จ.นครปฐม, สมุทรสาคร ฯลฯ เหมาะที่จะปลูกเลี้ยงกล้วยไม้สกุลหวาย ซึ่งจัดเป็นกล้วยไม้ไทยที่ทำรายได้จากการส่งออกในแต่ละปีเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท สำหรับพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนเหมาะที่จะเลี้ยงกล้วยไม้สกุลคัทลียาและฟาแลนนอฟซีส กล้วยไม้สกุลแวนด้า เหมาะที่จะเลี้ยงในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เช่น จ.นครสวรรค์ เป็นต้น
คุณปราโมทย์ อุณหบัณฑิต บ้านเลขที่ 39 หมู่ 7 ต.บ้านยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 74110 เริ่มต้นการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2529 ด้วยการซื้อกล้วยไม้มาต้นละ 50 บาท เคยเห็นญาติปลูกกล้วยไม้มาก่อนคิดว่าไม่ยาก เริ่มต้นด้วยการไปกู้เงินมาลงทุนปลูกพอทำเข้าจริงไม่ง่ายดังที่คิด ได้หาความรู้จากตำราและการไปดูงานจากสวนกล้วยไม้อื่น ๆ เพิ่มเติมจนประสบความ สำเร็จในด้านการผลิตระดับหนึ่ง ปัญหาตามมาคือปลูกแล้วไม่รู้จะไปขายที่ไหน ด้วยอาชีพเคยเป็นพ่อค้า มาก่อนจึงได้นำต้นกล้วยไม้ไปขายด้วยตนเองทั่วประเทศจนเป็นขาประจำมานานถึง 20 ปี จนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันคุณปราโมทย์มีพื้นที่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายประมาณ 70 ไร่ (พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกล้วยไม้ได้ประมาณ 40,000 ต้น) มีต้นกล้วยไม้ประมาณ 2.8 ล้านต้น ผลิตกล้วยไม้ขายในรูปไม้กระถาง, ไม้ตัดดอกหรือแม้แต่ขายดอกเพื่อไปร้อยเป็นพวงมาลัยเพื่อส่งออก ตลาดมีรถบริการส่งขายกล้วยไม้ทั่วประเทศและมีบริษัทมาซื้อเพื่อการส่งออก ความต่างในการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายของฟาร์มกล้วยไม้ปราโมทย์เมื่อเปรียบเทียบกับฟาร์มอื่นคือ กล้วยไม้หวายลูกผสมที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ ๆ จะไม่มีการปั่นราคาจะขายในราคาที่ผู้บริโภคหาซื้อได้ ราคาจะเฉลี่ยอยู่ต้นละ 30-40 บาท และใครที่ได้ไปเยี่ยมชมหรือดูงานที่สวนกล้วยไม้แห่งนี้จะพบว่าเป็น สวนกล้วยไม้ที่มีการจัดการดีมากอีกแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในเรื่องของความสะอาด คุณปราโมทย์ย้ำว่าการลงทุนทางด้านโรงเรือนกล้วยไม้จะใช้เงินลงทุนสูงกว่าที่อื่น โดยยึดหลักว่าสร้างครั้งเดียวอยู่ได้นานหลายสิบปี และจากประสบการณ์ได้สอนให้คุณปราโมทย์ได้เรียนรู้ว่า จะต้องมีการศึกษาการเดินของน้ำในช่วงฤดูฝน เมื่อมีน้ำขังในโรงเรือนจะมีปัญหา โรคราตามมา ปัญหาเรื่องหอยระบาดทำลายมากขึ้น ถ้าสร้างโรงเรือนไม่ดีลมแรงก็พัง และสิ่งที่คุณปราโมทย์ฝากถึงเกษตรกรที่คิดจะปลูกเลี้ยงกล้วยไม้จะต้อง “มีความมานะพยายามไม่ท้อหรืออาจจะท้อบ้างแต่อย่าถอย”
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 กรกฎาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=170027&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น