ไทยนำร่องป้องกันหวัดนก ใช้คอมพาร์ตเมนต์เลี้ยงสัตว์ปีก

ไทยนำร่องป้องกันหวัดนก ใช้คอมพาร์ตเมนต์เลี้ยงสัตว์ปีก

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 51

นับแต่ “ไข้หวัดนก” ระบาดไปทั่วโลก...ส่งผลให้ประเทศ ไทยเราสูญเสียรายได้จากการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกสดแช่แข็งคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท และเพื่อให้สินค้าประเภทนี้สามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดโลกต่อไป กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจับมือกับธุรกิจภาคส่งออกเนื้อสัตว์ปีก จัดทำโครงการ “ระบบคอมพาร์ตเมนต์” ขึ้น เป็นการสร้างหลักประกัน คุณภาพ ความปลอดภัย สร้าง ความมั่นใจแก่ผู้บริโภคอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศคู่ค้ายอมรับเนื้อสัตว์ปีกสดและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากไทย

คอมพาร์ตเมนต์ (Compartment) หมายถึง กลุ่มฟาร์มตั้งแต่หนึ่งแห่งหรือมากกว่า ที่มีระบบแยกส่วนการเลี้ยงชัดเจน ทราบถึงสถานะสุขภาพสัตว์ตลอดเวลาการเลี้ยง ภายใต้หลักปฏิบัติการจัดการที่ดี ภายในฟาร์มและการจัดการระหว่างหน่วยงานอื่นที่มาเกี่ยวข้อง โดยเน้นมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพด้านป้องกันโรคที่เชื่อมโยงร่วมกัน

นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายธุรกิจอาหารแปรรูปและครบวงจร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จำกัด (มหาชน) บอกว่า เป็นมาตรการที่เข้มงวดมากกว่ามาตรฐานทั่วไป การจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพ การเฝ้าระวังควบคุมโรคไข้หวัดนกในฟาร์มและพื้นที่กันชนรัศมี 1 กิโลเมตรรอบฟาร์ม

โดยขั้นตอนการเลี้ยง กระทั่งเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเข้าโรงงานแปรรูปอาหาร ต้องปราศจากการปนเปื้อนของโรคไข้หวัดนกรวมทั้งการตรวจสอบย้อนกลับ ที่กรมปศุสัตว์นำมาใช้ซึ่งเป็นไป ตามหลักการขององค์การโรคระบาดสัตว์ ระหว่างประเทศ (OIE)

ทั้งนี้ จากการที่ CPF ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่ 13 กรกฎาคม 2549 โดยที่กรมดำ-เนินการเก็บตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกอย่างต่อเนื่อง ครบ 12 เดือน และสามารถพิสูจน์ได้ว่าทุกฟาร์มปลอดจากโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด

และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา Dr.David Wilson ผู้เชี่ยวชาญขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) พร้อมผู้เชี่ยวชาญกรมปศุสัตว์ ได้เลือกฟาร์มไก่เนื้อของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เป็นตัวอย่างสาธิต เพื่อศึกษาดูงานระบบคอมพาร์ตเมนต์ สำหรับอุตสาหกรรมสัตว์ปีกแห่งแรกของไทยและของโลก

จากการยอมรับการผลิตสัตว์ปีกในระบบคอมพาร์ตเมนต์นี้ ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสเจรจาเพื่อขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่กับ 6 ประเทศคู่ค้าในกลุ่ม อียูและตลาดที่สำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง และ ไต้หวัน ซึ่งจะเปิดเจรจาในการ ประชุม JTEPA ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ราวๆเดือนกันยายนนี้ และคาดว่าคงผ่านไปด้วยดี

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 16 กรกฎาคม 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=97142

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551

ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว

กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา

ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี

เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง

ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ

"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น