เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 51
กระทรวงเกษตรฯมีแผนเร่ง สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่เพื่อทดแทนเกษตรกรรุ่นเดิมและรองรับสถานการณ์ขาดแคลนในอนาคต เพื่อให้เป็นผู้สืบทอดและสานต่ออาชีพเกษตรกรรมที่สามารถใช้เครื่องจักรกลเทคโน โลยีที่ทันสมัย พร้อมผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทยในเวทีการค้าโลกได้
อภิชัย จึงประภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนเกษตรและผู้นำเยาวชนเกษตรกับต่างประเทศในระดับทวิภาคี ตั้งแต่ปี 2544 โดยนำร่องแลกเปลี่ยนกับประเทศเกาหลีใต้ ต่อมาปี 2548 ไทยได้แลกเปลี่ยนเยาวชนเกษตรกับวิทยาลัยเกษตรกรรมโคอิบูจิ ประเทศญี่ปุ่น และปี 2550 ได้แลกเปลี่ยนเยาวชนเกษตรกับฟิลิปปินส์ (IFYE Association)
ปี 2551 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรมีแนวคิดที่จะรวมเยาวชนเกษตรและผู้นำเยาวชนเกษตรจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และ ไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ได้พบปะทำความรู้จัก พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ดังนั้น จึงได้กำหนดจัดประชุมสัมมนาเยาวชนเกษตรนานาชาติ ขึ้น ภายใต้หัวข้อ “Hand in Hand : We make it better” ในระหว่างวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2551 นี้ ที่โรงแรมทีเค พาเลซ กรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีเยาวชนเกษตรและผู้นำเยาวชนเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 200 คน
การจัดประชุมครั้งนี้ จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ด้านการพัฒนาเยาวชนเกษตร งานยุวเกษตรกร รวมถึงความรู้ด้านการเกษตรและวัฒนธรรมประเพณีระหว่าง 4 ประเทศ ขณะเดียวกันยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับผู้รับผิดชอบงานเยาวชนเกษตรของไทย พร้อมสร้างแรงจูงใจและดึงดูดเยาวชนที่มีศักยภาพ และมีความศรัทธาให้หันเข้าสู่ภาคเกษตรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การเป็น ศูนย์ฝึกอบรมเยาวชนเกษตรนานาชาติ
ภายในงานดังกล่าวจะมีการนำเสนอรายงานการพัฒนาเยาวชนเกษตรใน 4 ประเทศ (Country Report) ภายใต้หัวข้อ “สถานการณ์การพัฒนาเยาวชนเกษตรในชนบท” เน้น 4 ประเด็นหลัก คือ 1.ภาพรวมของประชากรในชนบทและสัดส่วนของเกษตรกรกับเยาวชนเกษตร 2.ยุทธศาสตร์การส่งเสริมเยาวชนเกษตรของแต่ละประเทศ 3.ตัวอย่างกิจกรรมหรือโครงการของเยาวชนเกษตรที่ดำเนินการอยู่ และ 4.แผนการพัฒนาเยาวชนเกษตรในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานของกลุ่มยุวเกษตรกรของไทยที่มีผลงานดีเด่นจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศให้ชมด้วย
นายอภิชัยยังกล่าวอีกว่า การนำเยาวชนเกษตรไปฝึกอบรม ฝึกงาน และศึกษาดูงานในพื้นที่จริง ถือเป็นหนึ่งไฮไลต์ของงานนี้ โดยระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม-4 สิงหาคมนี้ จะนำเยาวชนเกษตรเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ ไปศึกษาดูงานแบบพักค้างหรือโฮมสเตย์ ที่กลุ่มยุวเกษตรกรท่านัดสามัคคี อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี พร้อมศึกษาดูงานด้านการผลิตกล้วยไม้เพื่อการส่งออกของอดีตยุวเกษตรกรไทยที่ผ่านการฝึกงานจากประเทศญี่ปุ่น
อีกทั้งยังจะได้ศึกษาดูงานกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 70 ซึ่งอนุรักษ์ป่าชายเลนและพันธุ์สัตว์น้ำด้วยการทำแนวปะการังเทียม และศึกษาดูงานศูนย์ส่งเสริมเยาวชนเกษตร อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี และยังได้จัดโปรแกรมพิเศษสำหรับเยาวชนเกษตรญี่ปุ่น 25 คน คือ ได้มีโอกาสโฮมสเตย์กับครอบครัวเยาวชนเกษตรของไทยซึ่งเคยผ่านการฝึกงานจากญี่ปุ่นมาแล้ว อนาคตคาดว่าแต่ละประเทศจะสามารถนำแนวทางการพัฒนาเยาวชนเกษตร ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศนั้น ๆ ได้
นับเป็นโอกาสดีของเยาวชนเกษตรไทยที่จะได้โชว์ฝีมือและอวดผลงานสู่สายตาเยาวชนเกษตรนานาชาติได้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้รับมรดกแห่งอาชีพเกษตรกรรม เราต้องรักและหวงแหนผืนแผ่นดินทอง และคงไว้ให้รุ่นลูกหลานได้ทำกินสืบไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 22 กรกฎาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=170891&NewsType=1&Template=1