เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 51
โรคใบขาวในอ้อย ปัจจุบันได้ระบาดแพร่กระจายอย่างรวด เร็วไปสู่ทุกภาคของประเทศไทย สร้างความเสียหายเป็นพื้นที่ถึง 200,000 ไร่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
การป้องกันเกิดโรค เท่าที่ผ่านมาเกษตรกรใช้วิธี แช่ท่อนพันธุ์ด้วยน้ำร้อน อุณหภูมิ 50ํc เป็นระยะเวลานาน 2 ชม. เพื่อลดปริมาณเชื้อดังกล่าว รวมทั้ง คัดกรองท่อนพันธุ์ โดยเทคนิคพิเศษเฉพาะ แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้เท่าที่ควร เกษตรกรต้องเฝ้าระวังหลังปลูกลงแปลงประมาณ 1 เดือน พร้อมทั้งต้องสำรวจอย่างสม่ำเสมอ ถ้าพบกออ้อยติดโรคดังกล่าวต้องขุดทิ้ง ฉีดพ่นยา และหากรุนแรงจะต้องไถรื้อตอเผาทำลายกันเลย
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) มีความตระหนักกับภัยที่เกิดขึ้นจึงร่วมกับ บริษัท มิตรผลวิจัยพัฒนาอ้อยและน้ำตาล จำกัด ทำการวิจัยและพัฒนา “ชุดตรวจโรคใบขาวในอ้อย”
ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ บอกว่า โรคใบขาว เกิด จากเชื้อ ไฟโตพลาสมา ลักษณะคล้ายแบคทีเรียแต่ไม่มีผนังเซลล์ รูปร่างไม่แน่นอน ขนาดเล็กเพียง 80-900 นาโนเมตร อาศัยอยู่ในกลุ่มเซลล์ท่ออาหาร
อ้อยที่ถูกเชื้อเข้าทำลาย...ใบ จะแคบเรียวเล็กกว่าปกติมี สีขาว ต้นแคระแกร็นแตกหน่อเร็ว หน่อใหม่มีลักษณะคล้ายกอตะไคร้ หากแสดงอาการมากจะตายภายใน 2-4 เดือน แต่ถ้าไม่รุนแรงจะยังคงเจริญต่อไปได้ ถ้าใส่ปุ๋ยให้น้ำ อาการของโรคจะลดลง แต่ยังคง “แฝง” อยู่ เมื่อเกษตรกรนำไปปลูกขยาย โรคดังกล่าวจะติดไปกับท่อนพันธุ์ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างและกระจายอย่างรวดเร็ว
ดร.พิพัฒน์ วีระถาวร ผู้อำนวยการด้านวิจัยและพัฒนา บริษัท มิตรผลวิจัยฯ บอกว่า... โมโนโคลนอลแอนติบอดีบริสุทธิ์ มีความจำเพาะต่อเชื้อไฟโตพลาสมา ใน การตรวจสอบจะใช้หลักคล้ายกับชุดตรวจการตั้งครรภ์ หรือ ชุดตรวจการติดโรคในกล้วยไม้ โดยการเจาะน้ำอ้อยหยอดลงตลับตรวจ ทิ้งไว้สักครู่และอ่านค่าแถบสีที่ปรากฏขึ้น เพราะถ้าเกิด 2 แถบแสดงว่าอ้อยเป็นโรคใบขาว แต่หากเกิดแถบเดียวด้านบนแสดงว่าไม่เป็นโรค ซึ่งจะรู้ผลภายใน 10 นาที
ชุดตรวจโรคใบขาว จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ซึ่งจะลดความเสียหายที่จะเกิดแก่เกษตรกร และควบคุมไม่ให้โรคไปยังแหล่งอื่นๆอีกด้วย
เกษตรกรรายใดที่สนใจสามารถ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2564-6700 ต่อ 3315 ในวันและเวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 11 สิงหาคม 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=100145