เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 51
นางสาวเมทนี สุคนธรักษ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของกล้วยไม้หลากหลายชนิดที่มีค่า สามารถทำรายได้จากการส่งออกไม่ต่ำกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และสามารถส่งออกเป็นอันดับ 2 ของโลก ในอนาคตคาดว่าอีกประมาณ 3-4 ปี จะสามารถทำรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท โดยส่งออกในรูปแบบของไม้ตัดดอก ไม้ต้น ไม้ขวด ตลอดจน ผลิตภัณฑ์จากดอกกล้วยไม้
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อว่า เพื่อให้การผลิตกล้วยไม้ส่งออกได้คุณภาพ กระทรวงเกษตรฯจึงมอบหมายให้สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร จัดทำระบบการจัดการคุณภาพ GAP รับรองแปลงเกษตรกรที่ปฏิบัติตามแผนการควบคุมการผลิตกล้วยไม้ขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถผลิตได้ตรงตามพันธุ์ อีกทั้งมีคุณภาพ ปลอดศัตรูพืช และได้มาตรฐานตามข้อกำหนด โดยผู้ที่ผ่านขั้นตอนการพิจารณาระบบ GAP จะมอบเครื่องหมายสัญลักษณ์ Q อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีเกษตรกรยื่นขอจดทะเบียนแล้วกว่า 100 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
ด้านนายสุชาติ วิจิตรานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพืชสวน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งทำการศึกษาวิจัยแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องระบบการขนส่งเพื่อให้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้พัฒนากล้วยไม้พื้นถิ่นที่มีศักยภาพได้แก่ กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี สกุลซิมบิเดีย สกุลสปาโทกลอททิส และสกุลฮาบินาเรีย ให้สามารถเปิดตลาดและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 21 สิงหาคม 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=101331