เมื่อวันที่ 11 กันยายน 51
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ส้มเขียวหวานหนองเสือ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี มีชื่อเสียงเรียงนาม ในฐานะที่ได้สืบทอดตำนาน ส้มเขียวหวานรสดี มาจาก สวนบางมด กรุงเทพฯ แต่ช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา
ส้มเขียวหวานหนองเสือเหลือเพียงตำนานเหมือนกับบางมด เพราะเจอโรคระบาดอย่างหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวสวนจึงเรียกว่า ”เอดส์ส้ม” แต่กระนั้นชาวสวนหนองเสือก็ไม่ย่อท้อ พยายามหาไม้ผลอย่างอื่นใหม่ๆ มาทดแทน อย่าง จารุณี พุทธนิตย์ เกษตรวัย 46 ปี จากหมู่ 7 ต.บึงบา อ.หนองเสือ ได้หันไปปลูกฝรั่งสายพันธุ์ "กิมจู" สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะฝรั่งกิมจูเป็นที่ต้องการของตลาด
จารุณีเล่าว่า หลังจากเกษตรกรชาวสวนส้มประสบปัญหาโรคระบาดในสวนส้มถึงขนาดติดหนี้ติดสินไปแล้ว หลายคนหันมาปลูกไม้ผลอย่างอื่น รวมถึงการปลูกฝรั่งด้วยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากฝรั่งเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะฝรั่งไร้เมล็ด มีผู้บริโภคนิยมกันเป็นอย่างมาก เพราะมีรสชาติหวาน กรอบ อีกทั้งราคาก็ดี ทำให้ชาวสวนมีรายได้อย่างงามมาหล่อเลี้ยงครอบครัว แต่ตอนหลังฝรั่งไร้เมล็ดกลายเป็นผลไม้พื้น คนหันมานิยมฝรั่งพันธุ์กิมจูมากขึ้น และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ชาวสวนจึงเริ่มหันมาปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจูมากขึ้นรวมถึงเธอด้วย
"ฝรั่งไร้เมล็ดฉันก็ว่ากรอบดี พอมาเจอฝรั่งพันธุ์กิมจูพบคุณสมบัติดีกว่า คือ มีรสชาติที่เด่นกว่าพันธุ์อื่น สีนวลสวย รสหวานกลมกล่อม กรอบ ไม่มีเมล็ด หรือมีก็น้อยมาก ทำให้ราคาสูงกว่าฝรั่งไร้เมล็ดถึง กก.ละ 5-7 บาท อย่างปัจจุบันผลผลิตที่พ่อค้ามารับถึงสวนในราคาตกอยู่ที่ กก.20-25 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ชาวสวนเราอยู่ได้ และคุ้มค่าสำหรับค่าแรงานและการลงทุน ฉันจึงมองว่าฝรั่งพันธุ์กิมจูตัวนี้ น่าจะมีอนาคตที่ดีต่อไป แต่เกษตรกรที่ปลูกต้องเอาใจใส่ ดูแลรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐานด้วย" จารุณีกล่าว
จารุณีเล่าถึงก่อนที่จะมาปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจูว่า เธอเหมือนกับเกษตรกรรายอื่นของหนองเสือ คือ ทำสวนส้มเขียวหวาน แรกๆ รายได้ดี แต่พอเกิดปัญหาเรื่องโรคระบาดจึงตัดต้นส้มทิ้ง จากนั้นก็หันมาปลูกพืชผักสวนครัว แต่รายได้ไม่ค่อยดี จึงเปลี่ยนมาปลูกฝรั่งกิมจู โดยไปซื้อต้นกล้ามาจาก อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ในราคากิ่งละ 25 บาท มาปลูกตามร่องสวนที่เตรียมไว้ โดยปลูกห่างต่อต้นราว 3 เมตร ในระยะแรกใส่ปุ๋ยสูตรเร่งต้น และดูแลเรื่องศัตรูพืช ซึ่งมีพวกเพลี้ยไฟ ไรแดง และแมลงวันทอง รวมถึงดูแลเรื่องโรคต่างๆ ด้วย
ผ่านไปราว 6 เดือน ต้นฝรั่งก็จะเริ่มออกผล จึงใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ ดูแลเรื่องการตัดแต่ง รวมทั้งการห่อผลฝรั่ง โดยใช้กระดาษและถุงพลาสติก เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการปลูกฝรั่งก็มีเช่นกัน คือ ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง เพราะห่อลูกฝรั่งไม่ทันจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิตได้ หลังจากห่อแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 เดือน ผลผลิตโตเต็มที่ สามารถเก็บเกี่ยวส่งไปขายได้แล้ว
"ตอนนี้ฉันปลูกมา 3 ปีแล้ว ปรากฏว่าได้ผลผลิตมากขึ้นตลอด อย่างปีที่แล้วต้นฝรั่งอายุยังน้อยแต่ได้ผลผลิตรวมหลายสิบตัน ปีนี้ดูจะมากขึ้น มีเท่าไรก็ไม่มีปัญหาในด้านการตลาด เพราะมีพ่อค้า แม่ค้า ทั้งจากตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง ร่วมทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งขายแผงขายตามตลาดสดมารับถึงในสวน ในราคา กก.ละ 20-25 บาท" จารุณีอย่างมั่นใจ
นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรชาวหนองเสือ หลังจากประสบปัญหาโรคระบาดในสวนส้มในช่วงที่ผ่านมา ที่สำคัญตอนนี้ทราบมาว่าฝรั่งพันธุ์กิมจูที่ปลูกในจังหวัดอื่นเริ่มมีผลผลิตไม่ดี จึงถือเป็นโอกาสดีของชาวสวนหนองเสือที่จะนำผลผลิตส่งจำหน่ายให้ผู้บริโภค
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 11 กันยายน 2551
http://www.komchadluek.net/2008/09/11/x_agi_b001_220044.php?news_id=220044