เมื่อวันที่ 12 กันยายน 51
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จ.พัทลุง ประสบความสำเร็จ ขยายผลสู่เกษตรกรข้างเคียง
เมื่อครั้ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมราษฎรบ้านหัวป่าเขียว ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ในวันที่ 13 กันยายน 2543 ทรงได้รับทราบถึงความยากจนของราษฎรจังหวัดพัทลุง จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้หาพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อจัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่างขึ้น ซึ่งประชาชน 93 ราย ในบ้านทุ่งครองชีพ ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ได้ร่วมกันบริจาคพื้นที่รวม 254 ไร่ 3 งาน 12 ตารางวา สำหรับจัดทำโครงการดังกล่าว
“ทุ่งครองชีพ” เดิมมีสภาพเป็นป่าพรุเสม็ดปกคลุมไปด้วยไม้เสม็ดเต็มพื้นที่ ในช่วงปี พ.ศ. 2484 กำนันตำบลนาปะขอ เปิดโอกาสให้ราษฎรเข้าจับจองทำกิน โดยกำหนดให้ครอบครัวละ 50 ไร่ ได้มีการปรับพื้นที่ป่าเสม็ดให้เป็นพื้นที่ทำนา ต่อมามีราษฎรจากเขตอำเภอใกล้เคียงและจังหวัดใกล้เคียงอพยพเข้ามาบุกรุกจับจองพื้นที่แห่งนี้มากขึ้น ทำให้มีการทะเลาะแย่งชิงที่ดินทำกิน มีการฆ่าฟันกันเกิดความไม่สงบขึ้นถึงขั้นรุนแรง จนถึงปี 2486 ขุนประนุชนรพาน นายอำเภอปากพะยูนในขณะนั้นได้มอบให้ปลัดพ่วง ชูขำ ปลัดอำเภอเข้ามาแก้ปัญหา มีการจัดแบ่งพื้นที่ทำกินใหม่ โดยแบ่งให้ครอบครัวละ 30 ไร่ ทำให้ทุ่งครองชีพเป็นที่นาผืนใหญ่ จนเป็นที่ยอมรับกันว่าผลผลิตจากนาข้าวของบางแก้วสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งจังหวัดพัทลุงเลยทีเดียว ต่อมาประสบกับภาวะทางธรรมชาติเกิดความแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วง การทำนาล้มเหลวที่นากลายเป็นนาร้างราษฎรหนุ่มสาววัยแรงงานอพยพไปรับจ้างขายแรงงานในต่างถิ่น จวบจนมีโครงการฟาร์มตัวอย่างขึ้นมาจึงทำให้ราษฎรส่วนนี้หวนกลับมายังถิ่นฐานบ้านเดิมเพื่อประกอบอาชีพอีกครั้งหนึ่งในทุกวันนี้
นางสาวศรีนิตย์ บุญทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลงานในโครงการนี้เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดพัทลุงได้มีการจัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่าง ตามพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ขึ้นตามเป้า หมายเพื่อเป็นแหล่งจ้างแรงงานสำหรับเกษตรกรในพื้นที่ เป็นแหล่งเรียนรู้ปฏิบัติงานการเกษตร และเป็นแหล่งผลิตอาหารของจังหวัดพัทลุง โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2544 ในพื้นที่ 262.5 ไร่ นั้น
นับตั้งแต่มีการจัดทำโครงการนี้ขึ้นมาได้มีกิจกรรมหลายอย่างด้วยกัน เช่น การปลูกพืชผัก พืชไร่ ไม้ผล นาข้าว การปศุสัตว์ การประมง การปรับปรุงบำรุงดิน เพาะชำกล้าไม้ และการแปรรูป ผลผลิตจากโครงการ
“ในปี 2551 โครงการได้ขยายผลกิจกรรมจากฟาร์มตัวอย่างเพื่อให้เกษตรกรเข้ามาเรียนรู้และศึกษาการทำการเกษตรที่เหมาะสมและถูกต้องแล้วได้นำผลสำเร็จของโครงการขยายผลสู่เกษตรกรในพื้นที่ตำบลนาปะขอ และตำบลท่ามะเดื่อ เพิ่มเติมอีก 50 ไร่ เพื่อเป็นแหล่ง เรียนรู้ และแหล่งผลิตอาหารที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร” นางสาวศรีนิตย์ บุญทอง กล่าว
รองเลขาธิการ กปร. เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า ที่ผ่านมาโครงการฟาร์มตัวอย่างแห่งนี้ได้มีการปลูกผักแบบหมุนเวียนตลอดปี โดยมีพืชผักพื้นบ้าน และพืชผักชนิดใหม่ ๆ เช่น แคนตาลูป มะเขือ บวบ คะน้า ข้าวโพดหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ฟาร์มตัวอย่างยังได้ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรที่ปฏิบัติงานในแปลง และกำกับดูแลให้การผลิตผักปลอดภัย และได้มาตรฐานตามข้อกำหนดมาตรฐานการผลิตผัก ส่วนพื้นที่ที่ขยายผลออกไปอีกจำนวน 50 ไร่นั้น จะเน้นการปลูกพืชผักและพืชไร่เป็นหลัก เนื่องจากอยู่ในความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง เกิดขึ้นจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2543 ครั้งเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านหัวป่าเขียว ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงและได้มีราษฎรกราบทูลของานทำจากพระองค์ จากนั้นจึงได้มีพระราชเสาวนีย์ให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อจัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ราษฎรเข้าไปศึกษาหาความรู้โดยการปฏิบัติจริงแล้วนำความรู้ไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเองซึ่งในที่สุดได้ที่สาธารณประโยชน์ทุ่งครองชีพ หมู่ที่ 1, 8, 10 บ้านครองชีพ ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการ และประสบความสำเร็จจนได้รับการขยายพื้นที่เพื่อตอบสนองความต้องการของราษฎรในพื้นที่เพิ่มขึ้น.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 12 กันยายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=176527&NewsType=1&Template=1