หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน
เกษตรขยายฐาน ผลิตข้าวอินทรีย์ ดันเข้าระบบ GAP ลดทุน-เพิ่มมูลค่า
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 51
เกษตรขยายฐาน ผลิตข้าวอินทรีย์ ดันเข้าระบบ GAP ลดทุน-เพิ่มมูลค่า
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าปัจจุบันการแข่งขันด้านสินค้าเกษตรและอาหารของโลกมุ่งเน้นไปที่คุณภาพและความปลอดภัย ไม่เฉพาะตัวผลผลิต แต่ยังรวมถึงสุขภาพและการลดความเสี่ยงของเกษตรกรที่มีต่อการใช้สารเคมี รวมทั้งคำนึงถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้นการเพาะปลูกในรูปแบบการเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) และการทำเกษตรอินทรีย์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรไทย ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เนื่องจากสินค้าปลอดสารเคมีและผลผลิตเกษตรอินทรีย์จะมีราคาสูง อีกทั้งกระบวนการผลิตจะช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย
กระทรวงเกษตรฯ จึงมีมาตรการสนับสนุนและควบคุมความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารชนิดต่างๆ ให้มีมาตรฐาน อันรวมถึงการผลิตข้าวซึ่งเป็นสินค้าเกษตรสำคัญของไทย ที่จะต้องเร่งผลักดันให้เกษตรกรเข้าใจถึงแนวทางการผลิตทั้งสองรูปแบบที่กล่าวไปข้างต้นว่ามีผลดีในระยะยาว ผ่านการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ระบบการผลิตข้าว GAP และข้าวอินทรีย์แบบครบวงจร ที่จะกระจายไปตามชุมชนต่างๆ โดยจะมีการเผยแพร่ความรู้ตั้งแต่การเพาะปลูก ไปจนถึงการแปรรูปข้าวให้เป็นสินค้าทั้งบริโภค อุปโภค เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตข้าว ซึ่งการผลิตข้าวอินทรีย์นั้น จะต้องเริ่มต้นจากการผลิตข้าว GAP ที่จะได้ทั้งข้าวคุณภาพปลอดสารและยังสามารถลดต้นทุนการผลิตในระบบการปลูกข้าวได้ถึงประมาณ 1,500-1,900 บาท/ไร่ ส่งผลให้ไม่ว่าปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ยเคมีจะราคาสูงขึ้นอย่างไร แต่เกษตรกรก็จะไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังขายข้าวได้ราคาเป็นที่น่าพอใจ มีเงินอยู่ในมือมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับการผลิตข้าวระบบ GAP นั้นจะช่วยลดต้นทุนด้านเมล็ดพันธุ์ประมาณ 300 บาท/ไร่ ด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เป็นพันธุ์บริสุทธิ์ มีความงอกมากกว่า ร้อยละ 80 ส่วนการเตรียมดิน ด้วยการไถกลบฟางข้าว ระบายน้ำเข้านา และปรับหน้าดิน ทำร่องน้ำให้เป็นทางระบายอากาศในแปลงปลูกข้าว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดวัชพืช ประมาณ 250 บาท/ไร่ การใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อสภาพนาข้าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยประมาณ 500-600 บาท/ไร่ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการใช้สารป้องกันกำจัดโรคแมลงได้ ประมาณ 420 บาท/ไร่ นอกจากนี้ การจัดการน้ำ ด้วยการควบคุมระดับน้ำในแต่ละช่วงอายุของข้าวให้มีความเหมาะสมจะลดค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำ ประมาณ 360 บาท/ไร่ และการเก็บเกี่ยวในระยะหลังข้าวออกดอก 30 วัน จะลดการสูญเสียผลผลิตข้าวร่วงได้สูงถึง ร้อยละ 10-15 อีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 24 กันยายน 2551
http://www.naewna.com/news.asp?ID=124599
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น