ผลไม้ไทยพัฒนาไม่หยุดยั้ง เน้นได้มาตรฐานจากฟาร์มถึงผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 51
ผลไม้ไทยพัฒนาไม่หยุดยั้ง เน้นได้มาตรฐานจากฟาร์มถึงผู้บริโภค
ปัจจุบัน จีนนำเข้าผลไม้จากทั่วโลกประมาณ 23 ชนิด โดยทุกปีจีนนำเข้าผลไม้เมืองร้อนจากประเทศไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง กลุ่มผลไม้ไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ส้มโอ ลำไย มังคุด กล้วย ทุเรียน มะพร้าว มะม่วง และสับปะรด โดยในปี 2550 ไทยมีรายได้จากการส่งออกผลไม้ไปยังจีนถึง 4,400 ล้านบาท เนื่องจากผลไม้ไทยมีรสชาติที่อร่อย คุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย ตรงตามมาตรฐานโลก
ปีนี้กระทรวงเกษตรฯได้เปิดเกมรุกจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในช่วงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2008 ขึ้นและนับเป็นโอกาสอันดีที่กระทรวงเกษตรฯได้มอบหมายให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดำเนินการนำผลิตภัณฑ์ผลไม้สดและแปรรูป เข้าประกวดในงาน “Fruit Recommended by Olympic Game 2008” ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้สำหรับจัดเลี้ยงนักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องในงานมหกรรมโอลิมปิก 2008 ซึ่งผลการประกวดผลิตภัณฑ์ผลไม้สดและแปรรูปของประเทศไทย ได้รับรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ ชมพู่ ส้มเปลือกร่อน และได้รับรางวัลที่ 2 จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ กล้วยไข่ ลำไยอบแห้งสีทอง สับปะรดอบกรอบแผ่น และได้รับรางวัลที่ 3 จำนวน 4 รางวัลได้แก่ ส้มโอ สับปะรดอบกรอบ ขนุนอบกรอบแผ่นและกล้วยอบกรอบ รวมทั้งได้รับรางวัลชมเชยรวม 36 รางวัล
ผลิตภัณฑ์ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป ที่ได้รับรางวัลทั้งหมดในการประกวดครั้งนี้ได้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายรับรองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์แล้ว เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตลาด สร้างมาตรฐานให้กับผลิตภัณฑ์ผลไม้สดและแปรรูปให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ สามารถสร้างภาพลักษณ์ผลไม้ไทยในตลาดให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
นายโอวาท อภิบาลภูวนารถ รองผู้อำนวยการ อ.ต.ก. รักษาการแทนในตำแหน่ง ผอ.องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เปิดเผยว่า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ยังจะคงดำเนินการสานต่อความสำเร็จจากการประกวดดังกล่าวต่อไป โดย อ.ต.ก. ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดตลาดผลไม้ในเมืองต่าง ๆ ของจีน เพื่อขยายตลาดผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึงและสร้างให้ผู้บริโภคเกิดการยอมรับคุณภาพ รสชาติ มาตรฐานผลไม้ไทย ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมการรณรงค์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลไม้ไทย โดยให้นักกีฬาโอลิมปิกเจ้าของเหรียญรางวัล มาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะปัจจุบันผลไม้ของไทยยังเป็นที่รู้จักอยู่ในเฉพาะหัวเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เท่านั้น
“ด้านการขยายโอกาสส่งออกผลไม้สด ผลไม้แปรรูป ไปยังตลาดจีน นั้น อ.ต.ก. มั่นใจว่าประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากจีนมีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน เศรษฐกิจค่อนข้างมีเสถียรภาพ รายได้ของประชากรดีขึ้น ประเทศไทยสามารถเจาะตลาดนี้ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่การขนส่งสินค้าเกษตรจากไทยไปจีนมีโอกาสขยายเส้นทางทะเลมุ่งสู่ตลาดจีนได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านฮ่องกง อีกต่อไป เนื่องจากการลดภาษีเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศจีน ทำให้ไทยสามารถส่งสินค้าไปท่าเรือในเมืองต่าง ๆ ของจีนโดยตรงได้มากขึ้น เช่น เซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง หนานหนิง ฟูเจียน เซียะเหมิน ปักกิ่ง และเฉินตู ส่งผลให้ยอดการส่งออกเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เส้นทางขนส่งทางอากาศยังสามารถขยายการส่งสินค้าผลไม้ไปยังสนามบินเมืองต่าง ๆ ในมณฑล ยูนนานและเมืองอื่น ๆ ที่สำคัญได้เพิ่มมากขึ้นด้วย” นายโอวาท กล่าว
นอกจากนี้ในส่วนของผู้บริโภคภายในประเทศ กระทรวงเกษตรฯ จะมุ่งเน้นให้มีการดำเนินการผลิต ที่ได้มาตรฐาน ความปลอดภัย โดยมีการควบคุมดูแลตั้งแต่ฟาร์มจนถึงผู้บริโภค
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 กันยายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=178114&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น