เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 51
ความที่มังคุดเป็นหนึ่งในผลไม้ไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่มีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง ซึ่งลูกหนึ่งๆ ตกราว 300-320 เยน คิดเป็นเงินไทยก็เกือบร้อยบาท ขณะเดียวกันการนำเข้ามังคุดไปยังญี่ปุ่นก็ค่อนจtข้างลำบาก
เพราะต้องการผ่านตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างและสิ่งปนเปื้อนที่เข้มงวดมาก
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ "พิมใจ มัตสึโมโต" กรรมการผู้จัดการบริษัท พี.เค.สยาม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกผักและผลไม้ไปยังต่างประเทศ และยังเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ "ร้านแก้วใจ" ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการอยู่ 7 สาขาในกรุงโตเกียว
"ร้านพี่มีอาหารไทยทุกอย่างจากทุกภาค อย่างเช่น ส้มตำ ผัดไทย แกงเขียวหวาน ยำวุ้นเส้น หมี่ผัด แต่ที่ขายดีก็มีหมูปิ้ง ผัดไทย ส้มตำ อาหารแต่ละเมนูจะรสไม่จัดเหมือนบ้านเรา เพราะคนญี่ปุ่นเขาไม่ชอบรสชาติจัดจ้าน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่นนะ มีคนไทยบ้างแต่ไม่มาก" พิมใจเล่าถึงธุรกิจร้านอาหารที่เปิดดำเนินการที่ญี่ปุ่น
กว่า 20 ปีที่เธอทำธุรกิจร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น ทำให้ได้เรียนรู้วิถีการกินของคนญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง นอกจากเมนูอาหารไทยหลายอย่างที่ได้รับความสนใจจากคนญี่ปุ่นแล้ว ผลไม้ไทยก็เป็นอีกอย่างที่ได้รับความนิยมของชาวอาทิตย์อุทัย โดยเฉพาะมังคุด จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
แต่ด้วยความที่การนำเข้ามังคุดไปยังญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน อีกทั้งยังไม่สามารถส่งไปขายได้ตลอดทั้งปี ทำให้เธอจึงมีแนวคิดทำ "โยเกิร์ตมังคุด" ขึ้นมา เนื่องจากมองเห็นว่าวิถีคนญี่ปุ่นชอบรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำอยู่แล้ว ขณะที่มังคุดก็เป็นผลไม้ยอดนิยม ก็น่าจะนำมาทำรวมกัน
"วัตถุดิบหลักคือเนื้อมังคุดก็นำเข้ามาจากเมืองไทย โดยผ่านการฟิสแช่แข็ง ซึ่งถ้านำเข้าแบบนี้จะไม่มีปัญหา ไม่เหมือนกับการนำเข้าเป็นลูก จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจเยอะ เพราะปกติวัตถุดิบหลักที่ใช้ประกอบอาหารในร้าน จำพวกพืชผักสมุนไพร อย่างเช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชี ฯลฯ พี่ก็นำเข้าจากเมืองไทยอยู่แล้ว" เจ้าของผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตมังคุดเผย
แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ จนสามารถทำให้คนญี่ปุ่นยอมรับในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพราะช่วงเวลาแค่ 2 ปีเศษที่ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาและได้มีการทำตลาด โดยการวางจำหน่ายในร้านอาหารของตัวเองและร้านอาหารในเครือข่าย ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่น กลายเป็นผลิตภัณฑ์เด่นที่ได้รับความนิยมของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมากในเวลานี้ สนนราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ 260 เยนต่อกล่อง โดยมีให้เลือกรับประทานถึง 5 แบบ
"ตอนนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 1.3 ล้านกล่องต่อเดือน คือเราจะจ้างโรงงานที่โตเกียวผลิตให้ ซึ่งวัตถุดิบหลักคือเนื้อมังคุดก็จะส่งไปจากเมืองไทยแล้วก็ไปทำการผลิตที่โน้น เพราะถ้าลงทุนสร้างโรงงานเองคงไม่ไหว มันแพงมากสู้จ้างโรงงานที่เขาทำผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันนี้อยู่แล้วให้เขาผลิตให้ดีกว่า" พิมใจแจงเหตุผล
"โยเกิร์ตมังคุด" นับเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของคนไทยที่ขายดีในแดนปลาดิบที่ไม่เพียงเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลไม้ไทยเท่านั้น ยังช่วยเพิ่มช่องทางตลาดส่งออกในรูปของการแปรรูป อันจะส่งผลในการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำช่วงที่ผลผลิตล้นตลาดได้เป็นอย่างดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 8 ตุลาคม 2551
http://www.komchadluek.net/2008/10/08/x_agi_b001_224877.php?news_id=224877