เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 51
ท่ามกลางสภาวการณ์ปุ๋ย (เคมี) แพงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกษตรกรจำนวนไม่น้อยต้องหันมาพึ่งปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลประกาศเกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพแทนปุ๋ยเคมี
หรือสารเคมีเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
"ปุ๋ยที่เราผลิตเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในเรื่องวาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์ แม้ว่ามีกลุ่มเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่ทำปุ๋ยชนิดนี้กันอยู่แล้ว แต่ว่าบางทีอาจจะไม่ได้มาตรฐานพอ ขาดธาตุอาหารที่สำคัญไป เพราะไม่มีที่ปรึกษาให้คำแนะนำในเชิงวิชาการที่ถูกต้องหรือมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ยังต้องพึ่งปุ๋ยเคมีอยู่ ปุ๋ยน้ำชีวภาพของเราก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับเกษตรกรที่สนใจ"
วีระวัฒน์ ยมจินดา ประธานบริหารบริษัท เอ็นเอสที ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยน้ำชีวภาพตรา เอ็นเอสที เผยเหตุผลในการก้าวสู่ธุรกิจปุ๋ยน้ำชีวภาพในเชิงอุตสาหกรรม หวังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร เนื่องจากมีราคาถูกกว่าปุ๋ยเคมีและได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีปัญหาในเรื่องธาตุอาหารหลักที่จำเป็นต่อพืช
วีระวัฒน์แจงรายละเอียดต่อว่า สำหรับเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปุ๋ยนั้นเป็นสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพาะเลี้ยงด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีชีวภาพให้เป็นเชื้อบริสุทธิ์ มีความเข้มข้นสูง ผ่านการตรวจสอบจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขว่าปลอดภัยต่อคน สัตว์และพืช
"ที่ผลิตออกมาตอนนี้มี 4 สูตรได้แก่ ทอง 1 ทอง 2 เพชร 1 และเพชร 2 สูตรทองจะเน้นข้าว อย่างทอง 1 จะใส่ช่วงข้าวแตกกอ ส่วนทอง 2 ใส่ช่วงข้าวตั้งท้องและออกรวง ถ้าเป็นสูตรเพชรจะเน้นพืชผักคือถ้าผักในระยะเจริญเติบโตก็จะเป็นเพชร 1 แต่ถ้าช่วงเก็บเกี่ยวก็ต้องใช้เพชร 2 แต่ละสูตรจะใช้ไม่เหมือนกัน เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรใดสนใจทำแปลงทดลองเพื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยเคมี บริษัทยินดีทำให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายโทร.0-3834-0050-1" บอสใหญ่เอ็นเอสที ไบโอเทคโนโลยีกล่าว
ด้าน ผศ.ดร.นารีรัตน์ มูลใจ นักวิชาการด้านปุ๋ยชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงจุดเด่นของเชื้อจุลินทรีย์ว่า สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินรอบรากพืช ช่วยสร้างธาตุอาหารและช่วยให้ธาตุอาหารจากธรรมชาติที่เป็นประโยชน์กับพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
"จุลินทรีย์จะช่วยตรึงไนโตรเจน (N) จากอากาศ ช่วยย่อยละลายฟอสเฟต (P) และโพแทสเซียม (K) ที่ตกค้างในดิน ช่วยย่อยสลายเศษซากพืชในดินให้กลายเป็นธาตุอาหารพืช ทำให้พืชสามารถนำสารอาหารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดินขึ้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่และช่วยปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของดินให้คงความอุดมสมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง"
นักวิชาการคนเดิมยังระบุอีกว่า นอกจากนี้เชื้อจุลินทรีย์ยังมีประโยชน์ในการควบคุมโรคและแมลงศัตรูพืชทางชีววิธี(Biocontrol) โดยมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณ ยับยั้งและทำลายเชื้อราที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคในพืชได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโรครากเน่าโคนเน่า กาบใบแห้ง ใบร่วง ราสนิม ราน้ำค้างและสามารถยับยั้งการเจริญของตัวหนอนและตัวเต็มวัยของแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิดเช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และศัตรูพืชอื่นๆ ทำให้แมลงเบื่ออาหารและตายในที่สุด แต่จะไม่มีผลกระทบต่อคน พืช สัตว์และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ปุ๋ยน้ำชีวภาพตราเอ็นเอสที นับเป็นอีกทางเลือกของเกษตรกรที่ต้องการหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในภาคเกษตรกรรมอย่างครบวงจร อันจะส่งผลช่วยลดต้นทุนการผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยังสนองนโยบายรัฐบาลในเรื่องวาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์อีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 9 ตุลาคม 2551
http://www.komchadluek.net/2008/10/09/x_agi_b001_224872.php?news_id=224872