เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 51
นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายแห่งยังคงมีฝนตก หนัก ซึ่งแปลงข้าวหลายพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในระยะตั้งท้องและใกล้ออกดอก จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไหม้และการระบาดของโรคขอบใบแห้ง สาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas oryzae pv. oryzae (ex Ishiyama) Swings et al
อธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงอาการของโรคดังกล่าวว่า มีลักษณะช้ำที่ขอบใบของใบ ล่าง ต่อมาประมาณ 7-10 วัน จุดช้ำนี้จะขยายกลายเป็นทางสีเหลืองยาวตามใบข้าว ขอบแผลมีลักษณะเป็นขอบลายหยัก แผลจะขยายไปตามความยาวของใบ บางครั้งขยายเข้าไปข้างในตามความกว้างของใบ ใบที่เป็นโรคจะแห้งเร็ว แผลอาจมีหยดน้ำสีครีมคล้ายยางสนกลมๆ ขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุด หลุดไปตามน้ำหรือฝน ซึ่งจะทำให้โรคสามารถระบาดต่อไปได้ ในบางกรณีที่เชื้อมีปริมาณสูงเข้าทำลาย ต้นข้าวจะเหี่ยวเฉาและตายโดยรวดเร็ว ซึ่งเรียกอาการของโรคนี้ว่า ครีเสก
ฉะนั้น เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว เกษตรกรควรใช้พันธุ์ข้าวที่ต้านทานปลูก ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากในดินที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ไม่ควรระบายน้ำจากแปลงที่เป็นโรคไปสู่แปลงอื่น และหากปลูกข้าวพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคนี้ ควรสังเกตเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากพบแปลงข้าวเริ่มแสดงอาการดังกล่าวควรใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช แบคบิเคียว (คาโนรอล) หรือ สเตร็พโตมัยซินซัลเฟต+ออกซีเตทตราไซคลินไฮโดรคลอร์ไรด์ (แคงเกอร์เอ็ก) หรือ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ (ฟังกูราน) หรือไอโซโพรไทโอเลน (ฟูจิวัน) เมื่อเริ่มพบอาการของโรคบนใบข้าว เกษตรกรรายใดมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเจ้าหน้าที่ กรมการข้าวในส่วนภูมิภาค หรือที่ศูนย์บริการชาวนา 50 แห่งทั่วประเทศ ในวันเวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 16 ตุลาคม 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=107820