41 ปี กรมส่งเสริมการเกษตร พัฒนาชีวิตเกษตรกรให้อยู่ดีมีสุข
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 51
41 ปี กรมส่งเสริมการเกษตร พัฒนาชีวิตเกษตรกรให้อยู่ดีมีสุข
21 ตุลาคม 2551 เป็นวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตร ครบรอบ ปีที่ 41 และก้าวขึ้นสู่ปีที่ 42 กรมฯ ได้ปรับปรุงมิติการดำเนินงานรูปแบบใหม่ ให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า “เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาให้ครอบครัวเกษตรกรอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน”
อรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2552 ว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 4,817.61 ล้านบาท ให้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์และนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรฯ ที่กำหนดไว้ 3 นโยบาย คือ 1.เกษตรเพื่อเกษตร มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น โดยการเพิ่มศักยภาพการผลิต พร้อมลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ 2.เกษตรเพื่อประชาชน มุ่งส่งเสริมภาคเกษตรให้ผลิตอาหารหล่อเลี้ยงคนในประเทศอย่างเพียงพอบนพื้นฐานราคาที่เป็นธรรม เน้นผลิตสินค้าที่มีความปลอดภัยทางอาหารและไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ 3.เกษตรเพื่อเศรษฐกิจ มุ่งปรับโครงสร้างการผลิตพร้อมผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไทย เพื่อสร้างรายได้จากการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น
เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายเร่งด่วน มอบหมายให้กรมฯ เร่ง ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกพืชผัก ข้าว พืชสวนและพืชไร่ ได้รับความ เสียหายประมาณ 2.7-3 ล้านไร่ เกษตรกร 300,000 ราย ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดที่ประสบภัยร่วมกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหายตามความเป็นจริง เพื่อจะได้จ่ายเงินชดเชยให้โดยเร็ว ซึ่งในขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมขออนุมัติงบประมาณจากรัฐบาล วงเงิน 2,500 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกพืชที่ได้รับความเดือดร้อน คาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป โดยจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรณีพืชเสียหายมีหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือสำหรับข้าว จะจ่ายเงินชดเชยอัตราไร่ละ 606 บาท พืชไร่อัตราไร่ละ 837 บาท พืชสวนและอื่น ๆ ไร่ละ 912 บาท รวมทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรจะเข้าไปสนับสนุนการฟื้นฟูการเกษตรภายหลังน้ำลดด้วย
ปีนี้กรมฯ จะก้าวสู่ความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและการจัดการเกษตร เพื่อช่วยพัฒนา เกษตรกรไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยยึดเกษตรกรเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา ขณะเดียวกันยังจะพัฒนาการจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) ให้เป็นระบบและอัพเดทข้อมูลเป็นปัจจุบัน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมไปสู่เกษตรกรแต่ละพื้นที่ เน้นแก้ไขปัญหาตามความต้องการของเกษตรกร ทั้งยังมุ่งให้ใช้องค์ความรู้ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายอรรถกล่าวด้วยว่า กรมฯ ได้มีแผนเร่งสานต่อและขยายผล “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” อาทิ โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการฟาร์มตัวอย่าง โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โครงการหมู่บ้านจุฬาภรณ์-ทับทิมสยาม โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ฯลฯ มีเกษตรกรเป้าหมายไม่น้อยกว่า 96,700 ราย อีกทั้งยังมีแผนดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยจะสนับสนุนให้ผู้ปลูกพืชผักและผลไม้เข้าสู่ ระบบการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือจีเอพี (GAP : Good Agricultural Practices) เป้าหมายกว่า 310,000 ราย
ขณะเดียวกันยังจะพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยมุ่งส่งเสริมเกษตรกรให้ใช้พืชพันธุ์ดี ใช้ปุ๋ยเคมี/ปุ๋ยอินทรีย์อย่างถูกต้อง หรือมีการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ทั้ง พืชเศรษฐกิจ พืชอาหาร และพืชพลังงาน เพื่อรองรับวิกฤติอาหารและพลังงานของโลก นอกจากนั้นยังจะ พัฒนาศักยภาพด้านการตลาด โดยการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่าง ผู้ผลิตกับผู้ซื้อ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสินค้าล้นตลาดและราคาตกต่ำได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 ตุลาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=180172&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น