เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 51
ในที่สุดราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีราคาทะยานสูงขึ้นไปกว่ากิโลกรัมละ 6 บาท เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 6.30 บาท เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมานั้น ได้ปรับลดลงชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย
เหลือเพียงกิโลกรัมละ 2.50-2.60 บาทในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องอีก ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวในภาคใต้บ้างแล้ว เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
จากการประเมินอย่างคร่าวๆ ถึงมูลเหตุแห่งเหตุที่ทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำมี 2 เหตุผลด้วยกันคือ ต้นตอหลักมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำผู้ซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมันรายใหญ่อย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ซื้อไปผลิตไบโอดีเซลนั้นชะลอการซื้อ ส่งผลให้ผลปาล์มน้ำมันค้างสต็อกจำนวนมาก อีกเหตุผลหนึ่งคาดว่ามีน้ำมันปาล์มเถื่อนทะลักมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ของไทย
แม้ก่อนหน้านี้ นายธันวาคม เขมะศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาราคาผลปาล์มน้ำมันที่เป็นธรรม และรองประธานคณะกรรมการบริหารปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ ได้นำเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ คือให้กระทรวงพลังงานซื้อน้ำมันปาล์มซึ่งมีอยู่ในสต็อกประมาณ 2 แสนตัน นำไปขายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซล
นอกจากนี้ยังเสนอให้กระทรวงพาณิชย์สั่งให้โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มรับซื้อปาล์มดิบจากโรงงานสกัดในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 25 บาท พร้อมเสนอให้กระทรวงพาณิชย์สั่งการให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท และให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมและดูแลการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันปาล์มในประเทศก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เป็นผลใดๆ ที่ส่อให้เห็นว่าราคาน้ำมันจะกระเตื้องขึ้นในเร็ววันนี้
นายธันวาคมกล่าวว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมดเป็นข้อเสนอที่ได้จากการประชุมร่วมกับเกษตรกร โรงงาน และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ เพื่อหาข้อสรุป เนื่องจากราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทนั้น เกษตรกรไม่สามารถอยู่จะได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตของชาวสวนเพิ่มขึ้น ถ้าจะให้เกษตรกรอยู่ได้ราคาผลปาล์มน้ำมันจะต้องไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท แต่กระนั้นดูแนวโน้ม คาดว่าราคาจะลดงอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายทวี ศรีสุคนธ์ นายกสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มประเทศไทย กล่าวว่า ราคาปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำตอนนี้มาจาก 2 สาเหตุคือ น้ำมันในสต็อกในประเทศที่มีอยู่ประมาณ 2-3 แสนตัน แต่บริษัท ปตท.ชะลอการซื้อเพื่อนำไปผลิตไบโอดีเซล เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ทำให้น้ำมันส่วนนี้เหลือค้างสต็อกจำนวนมาก ฉะนั้นทางแก้ก็คือ บริษัท ปตท.จะต้องเข้ามาซื้อเพื่อทำให้สต็อกหายไป
อีกสาเหตุหนึ่ง มีเกษตรกรในพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งมาว่า ขณะนี้มีน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่เพื่อส่งผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า) เดือนละ 700-800 ตัน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีบางส่วนที่นำเข้ามาโดยผิดกฎหมายและจำหน่ายในประเทศไทย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบและมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการผ่านประเทศไทยด้วย
นายกสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มประเทศไทยกล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเกษตรกรตอนนี้ถือว่ารุนแรง เนื่องจากต้นทุนการผลิตตกที่กิโลกรัมละ 2.90-3 บาท โดยเฉพาะต้นทุนปุ๋ยที่ยังไม่ลด ขณะที่มาเลเซียราคาปุ๋ยลดลงตันละ 2,000-3,000 บาท ฉะนั้นรัฐบาลต้องมีการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายปาล์มน้ำมัน ทั้งผลปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เหมือนกับตลาดกลางยางพารานั่นเอง
หากประเมินจากสถานการณ์แล้ว วิกฤติราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ ก่อนที่เกษตรกรจะล่มสลายในเร็ววันนี้ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะลดลงอีก ขณะที่ต้นทุนการผลิตทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เกษตรกรครวญรายจ่ายสูงรายได้ลด
นายวิศาล จันทร์ทิพย์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวว่า สภาพปัจจุบันถือว่าราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำเกินไป จะเห็นได้ว่าตามลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันทั่วไปซื้อในราคากิโลกรัมละ 2.5-2.6 บาท อย่างไรก็ตามชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 3.25 บาท เพื่อช่วยพยุงราคาไม่ให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมากนัก
"ก่อนหน้ามีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาช่วยเหลือราคาปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ ร่วมกับทางจังหวัดกระบี่ โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มลานเทปาล์มน้ำมัน ได้มีข้อยยุติให้รับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 3.50 บ และให้โรงงานกลั่นน้ำมันบริสุทธิ์รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในราคาลิตรละ 22-23 บาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้น ทั้งที่ความจริงราคาที่จะให้เกษตรกรอยู่ได้ต้องอยู่ที่ กิโลกรัมละ 4.50 บาท เพราะจะได้ชดเชยกับราคาปุ๋ยที่แพงขึ้น" นายวิศาลกล่าว
ด้าน นายอนิวัตติ์ สังข์รอด อายุ 34 ปี ชาวสวนปาล์ม ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ กล่าวว่า ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งหมด 60 ไร่ เดิมขายผลผลิตกิโลกรัมละ 6 บาท ปัจจุบันเหลือ 2.6 บาทต่อกิโลกรัม บางแห่งกิโลกรัมละ 2.9 บาท ถือเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน เนื่องจากราคาปุ๋ยและอุปกรณ์อื่นๆ แพงขึ้น
"สวนของผมตัดผลปาล์มเดือนละ 2 ครั้ง ครั้งละ 11 ตัน ขายในราคากิโลกรัมละ 2.9 บาท ได้เงินมาเพียง 31,900 บาท ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ไหนจะต้องใส่ปุ๋ย กระสอบละ 1,370 บาท ปีหนึ่งใส่อย่างน้อย 2 ครั้ง คิดดูแล้วกันว่าถ้าใส่ปุ๋ยในพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 60 ไร่ จำนวน 1 ตัน ตกเป็นเงิน 1 ล้านกว่าบาทแล้ว ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องหันมาแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรอย่างจริงจังเสียที" นายอนิวัตติ์กล่าว
ขณะที่ นายอภิชาติ ไชยบุญ ชาว ต.โคกยาง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ กล่าวว่า ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 45 ไร่ ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายรับลดลง อย่างค่าตัดทะลายปาล์มและค่าบรรทุกตกตันละ 500 บาท ขายผลปาล์มกิโลกรัมละ 2.7 บาท อย่างผลปาล์มน้ำมัน 5 ตัน ขายได้เพียง 1.4 หมื่นบาท นับเป็นรายได้ที่สวนทางกับค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 3 พฤศจิกายน 2551
http://www.komchadluek.net/2008/11/03/x_agi_b001_229221.php?news_id=229221