เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 51
คราวนี้ลองมาดูในอีกมุมหนึ่งว่าพริกยังมีประโยชน์ที่เรายังมองไม่เห็นในด้านใดบ้าง นอกจากจะใช้ในการประกอบอาหารหลายอย่างของคนไทยแล้ว ยังมีการวิจัยพบว่าสามารถนำพริกมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย
ตัวอย่างแรกก็คือการใช้พริกในการเลี้ยงไก่กระทง โดยเป็นงานวิจัยของ ดร.นวลจันทร์ พารักษา และทีมงานอีก 4 คน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ได้ศึกษาเรื่องการใช้สารสกัดหยาบจากพริกแดงในไก่กระทงที่เลี้ยงภายใต้สภาพโรงเรือนปิด ซึ่งเป็นสภาพการเลี้ยงทั่วไปในปัจจุบันนี้ วิธีการก็คือเอาสารสกัดจากพริกแดงมาผสมในอาหารเลี้ยงสัตว์ในอัตราส่วนต่าง ๆ กัน โดยใช้ปริมาณสารแคบไซซิน ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในพริกแดงเป็นเกณฑ์ นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้น้ำมันกะเพรามาร่วมด้วย
ก่อนที่จะเล่าให้ฟังว่าเมื่อมีการใช้สารสกัดของทั้งสองอย่างมาเลี้ยงไก่แล้วได้ผลเป็นอย่างไร ก็คงจะต้องเล่าที่มาที่ไป และหลักคิดในการเลือกพืชทั้งสองอย่างนี้มาใช้ในลักษณะของสมุนไพรในไก่กันก่อน ประการแรกก็คือในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่มีการเติมสารปฏิชีวนะลงไปในอาหารสัตว์ด้วยเพื่อเร่งการเติบโต นอกจากนี้ก็ยังมีการเติมสารอื่นๆ เข้าไปอีกเพื่อช่วยลดอัตราการตาย ลดการเจ็บป่วย
แต่ว่าสารเหล่านี้อาจมีผลเสียต่อคน ซึ่งนำเนื้อไก่มากินอีกทอดหนึ่งได้ และที่สำคัญคือเรื่องการเติมสารปฏิชีวนะลงไปในอาหารสัตว์นั้น ทางยุโรปก็มีกติกาออกมาห้ามไม่ให้ใช้ นั่นก็หมายความว่าเราต้องหาวิธีการอื่นมาทดแทน เมืองไทยโชคดีที่อยู่ในเขตร้อน และมีพืชสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติดีเด่นหลายอย่าง และมีโอกาสนำมาใช้แทนสารปฏิชีวนะได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญคือพืชบางอย่างได้ใช้ในอาหารประจำวันของเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพริก กระเทียม กะเพรา เป็นต้น ดังนั้น การที่นักวิจัยเลือกที่จะนำพริกและกะเพรามาศึกษา จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าสามารถลดความกังวลของผู้บริโภคในเรื่องของสารพิษหรือผลข้างเคียงจากสมุนไพรลงได้ในระดับหนึ่ง คงต้องไม่ลืมว่าสมุนไพรหรือสารสกัดที่ได้มาจากพืชบางชนิดก็เป็นพิษต่อคนได้ ยกตัวอย่างเช่นเห็ดพิษ หากกินเข้าไปก็มีโอกาสถึงตายได้เช่นกัน
ทั้งพริกและน้ำมันกะเพรามีศักยภาพสูงในการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ก็เพราะว่าสรรพคุณที่มีอยู่คือกระตุ้นการกินอาหาร ช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำย่อย สามารถยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นโทษได้หลายชนิด ซึ่งดูแล้วน่าจะนำมาใช้ทดแทนสารปฏิชีวนะที่ต้องใส่ในอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างดี อย่างน้ำมันกะเพรานั้น ก็มีความคล้ายคลึงกับน้ำมันจากใบออริกาโน ที่เราใช้เป็นเครื่องปรุงโรยหน้าพิซซ่า และในต่างประเทศก็มีการใช้น้ำมันจากออริกาโนผสมในอาหารเลี้ยงสัตว์และได้ผลดี สำหรับเมืองไทยซึ่งมีการปลูกและใช้กะเพรามากกว่าออริกาโน จึงได้ลองใช้น้ำมันจากกะเพราเพื่อแทนน้ำมันจากออริกาโนดังกล่าว ส่วนผลการทดลองใช้เป็นอย่างไร และมีวิธีการทำอย่างไรนั้น จะมาเล่าให้ฟังต่อในคราวหน้าครับ
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 10 พฤศจิกายน 2551
http://www.komchadluek.net/2008/11/10/x_agi_b001_230274.php?news_id=230274