เปิดตลาดกระเทียม-หอมหัวใหญ่ เกษตรหวั่นราคาร่วง / เตือนเกษตรกรปลูกพืชอื่นทดแทน
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 51
เปิดตลาดกระเทียม-หอมหัวใหญ่ เกษตรหวั่นราคาร่วง / เตือนเกษตรกรปลูกพืชอื่นทดแทน
นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานคณะอนุกรรมการการจัดการผลิตและการตลาดกระทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้ากระเทียม หอมหัวใหญ่ เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ปี 2552 ตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์
ส่วนปริมาณและอัตราภาษี มีข้อกำหนด 4 คือ 1.การเปิดตลาดสินค้ากระเทียม ตามข้อผูกพัน WTO ปริมาณ 65 ตัน อัตราภาษีในโควตา 27% 2.การเปิดตลาดสินค้าหอมหัวใหญ่ ตามข้อผูกพัน WTO ปริมาณ 365 ตัน อัตราภาษีในโควตา 27% และเปิดตลาดตามความตกลงไทย-นิวซีแลนด์ ปริมาณ 44.37 ตัน อัตราภาษีในโควตา 20%
3.การเปิดตลาดสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ตามความตกลง ไทย-นิวซีแลนด์ ปริมาณ 0.383 ตัน อัตราภาษีในโควตา 22% และ 4.การเปิดตลาดสินค้ามันฝรั่ง ตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ปริมาณ 44.22 ตัน อัตราภาษีในโควตา 20% และเปิดตลาดตามความตกลงไทย-นิวซีแลนด์ ปริมาณ 36.71 ตัน อัตราภาษีในโควตา 20% ซึ่งจากการพิจารณาปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรทั้ง 4 ชนิด ตามข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ที่ผ่านมา คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตของเกษตรกรภายในประเทศ
นายศักดิ์ชัยกล่าวต่อว่า จากการติดตามการผลิตและการค้าหอมหัวใหญ่ในญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งของผู้นำเข้าหอมหัวใหญ่จากไทย พบว่า ผลผลิตหอมหัวใหญ่ ฮอกไกโดมีปริมาณมากเกินความต้องการถึง 8,000 ตัน และสามารถเก็บรักษาในห้องเย็นได้นานถึง 8 เดือน ทำให้ตลาดหอมหัวใหญ่อิ่มตัวจนถึงฤดูกาลผลิตหน้า (เดือนมีนาคม-กรกฎาคม) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ เหลือกิโลกรัมละ 2-3 บาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯได้กำหนดมาตรการรักษาระดับการผลิตหอมหัวใหญ่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยควบคุมให้มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ตามข้อผูกพัน WTO ปริมาณโควตา 3.15 ตัน รวมทั้งแจ้งให้สหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แม่วางและสันป่าตอง จ.เชียงใหม่ รับทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลพิจารณาตัดสินใจที่จะปลูกหอมหัวใหญ่ในฤดูกาลใหม่นี้ พร้อมทั้งจัดทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเสริมและสนับสนุนการลดพื้นที่ปลูก โดยให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน
นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหอมหัวใหญ่ในระบบ GAP อย่างถูกต้องเพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งคาดว่า จะช่วยป้องกันปัญหาสินค้าล้นตลาดและปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 22 ธันวาคม 2551
http://www.naewna.com/news.asp?ID=139586
ข่าวที่เกี่ยวข้อง รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
"เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น