เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 53
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยมีพันธกรณีต้องลดภาษีและยกเลิกมาตรการโควตาภาษีสินค้ากาแฟ ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) โดยกาแฟสำเร็จรูปต้องลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ส่วนเมล็ดกาแฟต้องลดภาษีเหลือร้อยละ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงอนุมัติเงินกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรจำนวน 53.11 ล้านบาท เป็นเงินจ่ายขาด 21.88 ล้านบาท และเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย 31.23 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟครบวงจร ซึ่งสถาบันเกษตรกร 3 แห่งใน จ.ชุมพร และ ระนอง ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำสวนเขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และกลุ่มเกษตรกรทำสวน จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ได้จัดทำข้อเสนอผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างสถาบันเกษตรกรและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระยะเวลาดำเนินโครงการ 7 ปี
ทั้งนี้ กิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วย 1.กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกร 2.กิจกรรมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่ากาแฟของสถาบันเกษตรกร โดยสนับสนุนเงินทุนปลอดดอกเบี้ยให้ เพื่อนำไปดำเนินการใช้เป็นทุนหมุนเวียน และ 3.กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาธุรกิจกาแฟของสถาบันเกษตรกร โดยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาการบริหารจัดการ รวมทั้งการดำเนินธุรกิจให้แก่สถาบันเกษตรกร
"สำหรับกรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับงบประมาณเป็นเงินจ่ายขาดทั้งสิ้น 16.39 ล้านบาท เพื่อใช้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ในการเป็นวิทยากร เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิตกาแฟ รวมทั้งขยายผลการดำเนินงานในปีที่ 2 ของโครงการต่อจากกรมวิชาการเกษตร การคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ การถ่ายทอดความรู้ โดยมีเป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปีละ 250 ราย จำนวนแปลงส่งเสริมปีละ 250 ไร่" นายอรรถ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 10 มีนาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=202629