เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 53
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การปลูกพืชฤดูแล้งปีนี้พบว่าเกษตรกรในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มที่จะทำนาปรังอย่างต่อเนื่องหลังจากเก็บเกี่ยวนาปรังครั้งแรกเสร็จแล้ว ส่งผลให้มีการใช้น้ำเพิ่มขึ้นและกระทบต่อแผนการใช้น้ำที่วางไว้
โดยปัจจุบันในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการทำนาปรังเกินแผนไปแล้วกว่าร้อยละ 17 แม้กระทรวงเกษตรฯจะรณรงค์แจ้งเตือนเกษตรกรถึงผลกระทบที่จะตามมาหากมีการทำนาปรังครั้งที่ 2 แล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าในช่วงต้นฤดูฝนของปีนี้ ฝนจะตกในเกณฑ์น้อย จึงต้องมีการสำรองน้ำไว้ใช้ทำนาปีในช่วงต้นฤดูฝนด้วย ดังนั้นเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ำขอให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนการทำปรังอย่างต่อเนื่องจะเป็นการดีที่สุด
สำหรับสถานการณ์ของการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 52/53 ทั่วประเทศ ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้ทั้งหมด 12.28 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 9.50 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.78 ล้านไร่ แต่ปัจจุบันมีการเพาะปลูกไปแล้ว 15.16 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 123 ของแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งหมด แยกเป็น ข้าวนาปรัง 12.57 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.59 ล้านไร่ โดยในเขตลุ่มนำเจ้าพระยากำหนดพื้นที่เป้าหมายไว้ 6.39 ล้านไร่แยกเป็นข้าวนาปรัง 5.95 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.44 ล้านไร่ มีการเพาะปลูกไปแล้ว 7.80 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 122 ของแผนการเพาะปลูก แยกเป็นข้าวนาปรัง 7.37 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.43 ล้านไร่
ด้านแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง 20,720 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีการจัดสรรไปแล้ว 14,296 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 69 ของแผนจัดสรรน้ำ โดยการจัดสรรน้ำในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตรจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำบางส่วนจากลุ่มน้ำแม่กลองมีการนำน้ำไปใช้แล้วจำนวน 7,002 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88 ของแผนจัดสรรน้ำ คงเหลือปริมาณน้ำที่สามารถจะนำมาใช้ได้ตามแผนการจัดสรรน้ำประมาณ 998 ล้านลูกบาศก์เมตร
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 11 มีนาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=202775