เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 53
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า มะม่วงเป็นผลไม้ไทยที่มีความสำคัญในฐานะของผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกมะม่วงอันดับ 4 ของโลก เฉลี่ยที่ 1.8 ล้านตันต่อปีรองจากอินเดีย จีน และเม็กซิโก ซึ่งตลาดที่มีความต้องการผลผลิตมะม่วงจำนวนมากได้แก่ ญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศในยุโรป อย่างไรก็ตามกระบวนการผลิตมะม่วงของไทย ยังต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีและปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ เพื่อให้ได้มาตรฐานการส่งออกในระยะยาว
นายมนู โป้สมบูรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการผลิตไม้ผล กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีการผลิตมะม่วงเข้ามาใช้ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
1.ช่วงการผลิต ซึ่งพันธุ์มะม่วงที่ตลาดยอมรับได้แก่ น้ำดอกไม้ เขียวเสวย แรด มหาชนก นวลดำ โดยต้องตัดแต่งกิ่งให้ผลมะม่วงได้รับแสงแดดเต็มที่ หรือใช้เชือกโยงช่อผลให้สูงขึ้นจากชายพุ่ม หากแสงไม่พออาจต้องใช้แผ่นพลาสติกสะท้อนแสงวางไว้บริเวณใต้ทรงพุ่ม เพื่อให้แสงสะท้อนถูกใต้ผลช่วยทำให้ผลมะม่วงมีสีแดงทั้งผล สำหรับการใช้ถุงคาร์บอนห่อผลมะม่วง จะช่วยทำให้มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองมีสีเหลืองส้มคล้ายมะปรางสุก นอกจากนี้การให้ปุ๋ยควรใช้ตามค่าวิเคราะห์ใบพืช ส่งผลให้มะม่วงออกดอกติดผลดี มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนการผลิต
2.ช่วงหลังการเก็บเกี่ยว โดยในอดีตการคัดคุณภาพและคัดขนาดนั้น ต้องใช้แรงงานคนเข้ามาช่วย แต่ปัจจุบันมีการใช้ระบบ Sensor เพื่อคัดคุณภาพและคัดขนาด โดยมะม่วงที่ผ่านเครื่องคัดชนิดนี้ มีขนาดผล สี รูปทรง คุณภาพภายในผลค่อนข้างเหมือนกันมาก ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้เปิดให้นำระบบดังกล่าวมาใช้ในการคัดแยกมะม่วง ประมาณเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนการยืดอายุการเก็บรักษามะม่วงให้นานขึ้น ด้วยการใช้ถุงยืดอายุ Active ช่วยยืดอายุผลไม้ รวมทั้งมะม่วงได้นานกว่า 2 สัปดาห์ และการเก็บรักษาในห้องเย็นแบบ MA (Modified Atmosphere) ซึ่งสามารถปรับค่าบรรยากาศตามความเหมาะสมกับชนิดผลไม้ หรือมะม่วงได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 16 มีนาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=203497