เมื่อวันที่ 19 เมษายน 53
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัญหาความเสื่อมโทรมของดินยังคงมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น อีกทั้งดินมีการปนเปื้อนสารเคมีตลอดจนมีปัญหาการขยายตัวของพื้นที่ดินเค็มเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญคือมีการนำพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินเหมาะสมต่อการทำเกษตร ไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น รวมทั้งมีการนำพื้นที่ลาดชันและพื้นที่สูงไปใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรโดยปราศจากระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ก่อให้เกิดปัญหาการชะล้างพังทลายของดินอย่างรุนแรง จนถึงขั้นเกิดดินถล่มตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการทำอาชีพเกษตร ดังนั้นกระทรวงเกษตรฯโดยกรมพัฒนาที่ดินจึงได้เร่งสร้างความเข้าใจกับผู้ เกี่ยวข้องและเกษตรกรในการนำพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน พ.ศ.2551 ตามที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบเพิ่มเติมมาเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและแก้ไขความเสื่อมโทรมของดิน
ด้าน นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.พัฒนาที่ดิน พ.ศ.2551 เป็นกฎหมายรองรับในการเข้าไปดำเนินการพัฒนาที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีทั้งหมด 25 มาตรา ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น การกำหนดมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อลดการชะล้างพังทลายของดินและป้องกันการเกิดดินถล่ม รวมถึงการห้ามกระทำการใดๆ ที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารพิษที่เป็นอันตรายต่อดิน หรือทำให้สภาพดินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาที่ดินให้ปฏิบัติหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดินในการป้องกันแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของดิน รวมทั้งรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญยังได้ให้อธิบดีกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการปกครอง กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรธรณี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมเป็นคณะกรรมการพัฒนาที่ดินด้วย ส่งผลให้การบังคับใช้ พ.ร.บ.พัฒนาที่ดิน พ.ศ.2551 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันได้กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม หรือขัดขวางพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 19 เมษายน 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=207876