เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 53
เมื่อเทียบกับระดับ ความเข้มข้นของ ซัลเฟอร์ได-ออกไซด์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ป้องกันการเกิดโรคและการเกิดสีน้ำตาลที่เปลือกผลลำไยได้ ไม่ต่ำกว่า 20 วัน รวมทั้งสารตกค้าง
ลำไยสด หลังการเก็บเกี่ยวจะต้องใช้เทคโนโลยีที่จำเป็น คือ การรมด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ซึ่งมีความสำคัญต่อผลผลิตในการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
ปัจจุบัน มักเกิดปัญหาปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในผลลำไยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไว้ ทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดเข้มงวดมากขึ้น
ผศ.จักรพงษ์ พิมพ์พิมล พร้อมกับทีมงานวิจัย จากคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง ปัญหาปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยพร้อมกับ ออกแบบห้องรม SO2 ทั้งจากการเผาผงกำมะถัน และจากถังอัดความดันโดยตรงกับผลลำไยสดด้วยระบบหมุนเวียนอากาศแบบบังคับแนวตั้ง
ผศ.จักรพงษ์ บอกว่า การทำงานเริ่มจากการสุ่มเก็บตัวอย่างผลลำไยสด จากสถาน ประกอบการจำนวน 7 แห่ง ในเขต จังหวัดเชียงใหม่ และ ลำพูน ผลปรากฏว่า ระดับความเข้มข้นของ SO2 แตกต่างกัน จากนั้นนำมาคำนวณในเชิงเปรียบเทียบถึงปริมาณ แก๊ส SO2 จากถังอัดความดันโดยตรงที่ต้องปล่อยเข้าไปในห้องรม SO2 ที่ได้ออกแบบขึ้นมา ซึ่ง มีความจุ 22.5 ลูกบาศก์เมตร พบว่าในกรณีที่มีปริมาณผลลำไยเท่ากัน การใช้ระบบหมุนเวียนอากาศแบบปกติต้องปล่อยแก๊สเข้าไปในห้องมากกว่าการใช้ระบบหมุนเวียนอากาศแบบบังคับแนวตั้งประมาณร้อยละ 45 หมายความว่า ระบบหมุนเวียนอากาศแบบบังคับสามารถลดปริมาณแก๊ส SO2 ได้ประมาณครึ่งหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ ระบบหมุนเวียนอากาศแบบปกติ
"ระบบหมุนเวียนอากาศแบบบังคับแนวตั้ง มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ในกระบวนการรมผลลำไยสด สามารถลดระดับความเข้มข้นของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ให้เหลือเพียง 4,000 ppm หรือประมาณ 4-5 เท่า เมื่อเทียบกับระดับความเข้มข้นของ SO2 ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือ 15,000-20,000 ppm โดยยังคงป้องกันการเกิดโรคและการเกิดสีน้ำตาลที่เปลือกผลลำไยได้ ไม่ต่ำกว่า 20 วัน หลังจากเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ 95 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญคือช่วยให้ผลลำไยมีปริมาณ SO2 ตกค้าง ในเนื้อผลไม่เกิน 8 ppm ต่ำกว่าเกณฑ์สูงสุด ที่ ประเทศแคนาดา กำหนดไว้ 10 ppm และ สาธารณรัฐประชาชนจีน กำหนดไว้ 50 ppm อีกทั้งไม่พบการตกค้างในเนื้อลำไยหลังจากเก็บรักษา 5 วัน" ผศ.จักรพงษ์ กล่าวและว่า
สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างสรุปได้ คือ ผลลำไยที่ผ่านการรม SO2 จากถังอัดความดันโดยตรงมีความสดของผิวเปลือก ด้านในขาวและมองเห็นส่วนต่างๆของเซลล์ผิวได้ชัดเจนกว่า ผลลำไยจากสถานประกอบการ ซึ่งมีสีน้ำตาลและเซลล์ผิวค่อนข้างแห้ง สาเหตุเพราะกระบวนการรม SO2 ของสถานประกอบการเป็นการเผาผงกำมะถัน เพื่อให้ได้แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกมาต้องใช้ ความร้อนสูงถึง 250 องศาเซลเซียส จึงจะสามารถเผาไหม้ผงกำมะถันได้ ดังนั้น จึงทำให้ภายในห้องรมความร้อนเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลลำไย นั่นเอง
ผู้สนใจต้องการไปชมหรือสอบถามเพิ่มเติมที่ ผศ.จักรพงษ์ 0-5387-8117, 08-1366-2993 โทรสาร: 0-5387-8122 E-mail: jakrapho @ mju.ac.th ในวันและเวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 10 พฤษภาคม 2553
http://www.thairath.co.th/content/edu/81886