เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 53
นายปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การออกใบอนุญาตของสัตวแพทย์ประจำท้องที่นั้น มีกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และการแบ่งเขตท้องที่รับผิดชอบของปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอ หรือด่านกักกันสัตว์รองรับชัดเจน ประกอบกับมีคำสั่งกรมปศุสัตว์เกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์อย่างชัดเจน หากมีการออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายให้แก่สัตว์ที่เลี้ยงอยู่นอกท้องที่รับผิดชอบ หรือมีการเรียกรับผลประโยชน์จากเกษตรกร ถือเป็นการกระทำผิด เกษตรกรสามารถส่งเรื่องร้องเรียนพร้อมแนบหลักฐานมายังกรมปศุสัตว์ เพื่อพิจารณาดำเนินการได้
ปัจจุบันกรมปศุสัตว์มีนโยบายให้สัตวแพทย์ประจำท้องที่ใช้ระบบการออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านทางระบบ e-service นอกจากนี้ยังสั่งการให้ด่านกักกันสัตว์มีหน้าที่ตรวจสอบใบอนุญาตเคลื่อนย้าย สัตว์และซากสัตว์ที่เคลื่อนย้ายเข้าใน-ออกนอก และภายในเขตปลอดโรคระบาดภาคใต้ ต้องใช้ใบอนุญาตในระบบ e-service เท่านั้น เพื่อให้มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ทุกขบวนการ รวมทั้งหากตรวจพบการกระทำอื่นๆ ของสัตวแพทย์ประจำท้องที่ ที่ส่อไปในทางฝ่าฝืนต่อข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติของทางราชการอันเกี่ยวกับการออกใบอนุญาต ให้รายงานกรมปศุสัตว์ทราบเพื่อสอบสวนทันที ซึ่งหากพบว่า เป็นการกระทำให้เสียหายต่อทางราชการหรือมีหลักฐานว่าตั้งใจกระทำทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ก็จะได้ดำเนินการทางวินัยต่อไป
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังได้พิจารณายุบเลิกจุดตรวจสัตว์ลงจากเดิมจำนวน 142 แห่ง เหลือเพียง 48 แห่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ไปให้ความสำคัญกับกิจกรรมการตรวจสอบสภาวะโรคในแหล่งรวม สัตว์ให้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจตามเจตนาของพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ ซึ่งในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดก็ยังคงต้องดำเนินการต่อ ไปตามปกติ เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามผู้ปฏิบัติฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นหน้าที่ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ สารวัตร และสัตวแพทย์จำเป็นต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดตามที่กฎหมายกำหนด
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 12 พฤษภาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=210676