เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 53
นายไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดส่งออกไหมที่สำคัญของไทยส่วนใหญ่จะเป็น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและอาเซียน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเจาะตลาดใหม่ เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศมากขึ้นขณะนี้ทางกรมกำลังวิเคราะห์ตลาดญี่ปุ่น เพื่อส่งออกผ้าไหมสำเร็จรูปไปจำหน่าย เนื่องจากค่าตัดเย็บในญี่ปุ่นจะมีราคาสูงมากจึงไม่นิยมผ้าผืน เบื้องต้นจะมีการวิเคราะห์ว่าคนญี่ปุ่นต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทใดบ้าง เช่น ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ ชุดนอน หรือเสื้อสำเร็จรูป เป็นต้น สำหรับตลาดในกลุ่มสหภาพยุโรปนั้น โดยจากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ พบว่าทางญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีความนิยมไหมหัตถกรรม มีเรื่องของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และวัฒนาธรรมที่มีการทอลงบันผ้าไหมด้วย จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ได้มาหารือเกี่ยวกับสินค้าต่างๆ ที่จะเข้าไปยังสหภาพยุโรป โดยขณะนี้กรมหม่อนไหมได้ขอจดทะเบียนและผ่านการจดทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ แล้วจำนวน 3 ชนิด คือ ผ้า แพรวากาฬสินธุ์ ผ้ามัดหมี่ชนบท และผ้าไหมยกดอกลำพูน ยังเหลืออีก 7 ชนิด กำลังอยู่ในระหว่างการประสานงานกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ทั้งนี้ กรมหม่อนไหมจะเร่งพัฒนาสินค้าให้เป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลผลิตให้กับเกษตรกร ทั้งในเรื่องของหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาลวดลายให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดของแต่ละประเทศ ทั้งนี้เพราะหากรายได้จากการผลิตหม่อนและไหมไม่เป็นที่จูงใจ จะทำให้เกษตรกรลดน้อยถอยลง
“ในส่วนของตลาดสหรัฐอเมริกามีความต้องการไหมในงานหัตถกรรม หัตถอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมผ้าไหม ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่และมีการบริโภคค่อนข้างสูง เป็นที่น่ายินดีว่าในทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ได้ใช้ผ้าไหมไทยเป็นวัตถุดิบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ด้วย สำหรับตลาดอื่นๆ พบว่ามีความต้องการสินค้าไหมอีกมาก แต่การผลิตยังมีไม่เพียงพอ จึงต้องทำการศึกษาและกำหนด Road Map เพื่อสร้างเส้นทางการตลาดที่ชัดเจน และต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาดแต่ละประเทศ ขณะเดียวกันต้องเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตและผู้แปรรูป เพื่อผลิตงานให้ตรงตามความต้องการของตลาด อย่างไรก็ดี สิ่งที่กรมหม่อนไหมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ มาตรฐานตรานกยูงพระราชทาน ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้พระราชทานให้กับกรม 4 ดวง คือ นกยูงสีทอง นกยูงสีเงิน นกยูงสีน้ำเงิน และนกยูงสีเขียว เพื่อเป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของไทย ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ” นายไพโรจน์ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 31 พฤษภาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=213306