เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 53
นักวิจัยไทย พัฒนาสารสกัดจากน้ำยางพาราเป็นครีมเปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทน โดยไม่ต้องอาบแดด แถมทำเป็นครีมลบรอยย่นได้ครั้งแรกของโลก นอกจากนี้ยังพบสารสำคัญใช้ผลิตยารักษามะเร็งตัวใหม่
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2553 ที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย หรือ ทีเซลล์ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD แถลงข่าว “พิธีลงนามความร่วมมือการพัฒนาสารสกัดจากน้ำยางพารามูลค่าสูง” ระหว่าง ทีเซลล์ และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยพลเรือเอกฐนิธ กิตติอำพน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวว่า หลังจากทีเซลล์ประสบความสำเร็จในการนำน้ำยางพารามาผลิตเป็นครีมหน้าขาวเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังพบว่าน้ำยางพารายังมีสารสำคัญที่มีประโยชน์ด้านความงามอีกมากล่าสุดทีเซลล์ จึงได้ร่วมกับ นางรพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุลหัวหน้าโครงการวิจัยสารสกัดจากยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิจัยสารสำคัญในน้ำยางพารา เบื้องต้นพบว่ามีสาร สำคัญในการนำพัฒนาเป็นเครื่องสำอางได้ 2 ชนิด คือ 1.ครีมเปลี่ยนสีผิวขาวให้เป็นผิวสีแทน โดยไม่ต้องอาบแดด และไม่ต้องเสี่ยงต่อการรับรังสียูวีมากเกินไป ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และ2.ครีมลดริ้วรอยเหี่ยวย่นในบุรุษและสตรีที่อายุมาก ให้ดูอ่อนกว่าวัย
ด้าน นางรพีพรรณ กล่าวว่า สำหรับครีมเปลี่ยนสีผิวขาวให้เป็นผิวสีแทนนั้น จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่าน้ำยางพารามีสารสกัดสำคัญที่เรียกว่า สารเมทิลไทโออดีโนซีน หรือสารเอ็มทีเอซึ่งปัจจุบันมีการนำสารนี้ไปใช้ในเวชสำอางประเภทบำรุงผิว ปรับสีผิวให้เข้มขึ้น ดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาโดยสารดังกล่าวจะไปเพิ่มการสร้างสีน้ำตาลหรือดีเอชไอซีเอ-เมลานิน ทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีแทนจากภายใน เนื่องจากสารตัวนี้จะทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีในระดับเซลล์ ทำให้สีออกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยเห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งด้วย สำหรับผิวสีแทนจะเป็นที่นิยมของชาวยุโรป อเมริกา แคนาดา หรือ ในเอเชียบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งหากวิจัยจนสำเร็จจะเน้นการส่งออกเป็นหลัก
นางรพีพรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนครีมลดริ้วรอยเหี่ยวย่นนั้น ทีมวิจัยพบสารที่เรียกว่า เบต้ากลูแคน ที่ละลายน้ำได้มีฤทธิ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบภูมิคุ้มกันให้เซลล์ผิวช่วยกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในเซลล์ได้เมื่อใช้ทาผิวหนังโดยสารจะสามารถซึม ผ่านช่องว่างระหว่างเซลล์เข้าสู่เซลล์ผิวชั้นในสามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย ชะลอความแก่ ที่สำคัญยังช่วยป้องกันแสงยูวีเอและบี เบื้องต้นได้ผ่านการทดลองในสัตว์ทดลองแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิด จะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2554 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจดสิทธิบัตร ทั้งนี้หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จจะถือเป็นครั้งแรกของโลก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดนำสารจากยางพารามาพัฒนาเป็นเครื่องสำอาง
นาง รพีพรรณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในสารสกัดจากยางพารายังพบสารคิวบราซิทอล ซึ่งเป็นสารที่กำลังมีการวิจัยเพื่อนำไปผลิตยารักษามะเร็งด้วย โดยสารที่ได้จากยางพาราจะมีโมเลกุลขนาดเล็กมากที่จะเป็นสารตั้งต้นช่วยให้ตัวยาสามารถเข้าถึงเซลล์ได้ง่ายโดยส่วนใหญ่จะมีการขายสารดังกล่าวให้กับบริษัทยาในประเทศตะวันตกนำไปสกัดเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยารักษามะเร็งหลายชนิดขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสาตร์ว่าจะสกัดอย่างไร ขณะนี้มีประเทศมาเลเซียแห่งเดียวเท่านั้นที่มีการสกัดสารดังกล่าวออกขายเพื่อนำไปผลิตยารักษามะเร็งโดยทางมหาวิทยาลัยจะมีการสกัดสารนี้ออกมาจำหน่ายให้กับบริษัทผลิตยาด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 2 มิถุนายน 2553
http://www.thairath.co.th/content/edu/86726