งานวิจัยดีเด่น 'กาแฟอาราบิก้า' ครบวงจร
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 53
งานวิจัยดีเด่น 'กาแฟอาราบิก้า' ครบวงจร
"
การวิจัยและพัฒนากาแฟอาราบิก้าแบบครบวงจร” เป็นผลงานวิจัยหนึ่งใน 11 เรื่อง ที่กรมวิชาการเกษตรได้พิจารณาคัดเลือกให้เป็น ผลงานวิจัยดีเด่น ประจำปี 2552 ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟอาราบิก้าสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนา เพื่อยกระดับการผลิตกาแฟอาราบิก้าแบบครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยพัฒนาอาชีพ พร้อมสร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีการค้าเสรีได้
![](http://www.dailynews.co.th/content/images/1006/28/10/c1.jpg)
นายมานพ หาญเทวี นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในทีมนักวิจัยโครงการวิจัยและพัฒนากาแฟอาราบิก้าแบบครบวงจร กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ปลูกกาแฟอาราบิก้าในเขตภาคเหนือประสบปัญหาการระบาดของโรคราสนิมซึ่งสร้างความเสียหายให้เกษตรกร กรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนินโครงการวิจัยการศึกษาและคัดเลือกสายพันธุ์กาแฟ อาราบิก้าที่ต้านทานโรคราสนิมที่เกิดจากเชื้อรา Hemileia vastatrix B.&Br. มาตั้งแต่ปี 2528-2547 สามารถคัดเลือกกาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์ Catimor CIFC 7963-13-28 และต่อมาได้ประกาศรับรองพันธุ์กาแฟพันธุ์ดังกล่าวในชื่อ พันธุ์เชียงใหม่ 80
กาแฟอาราบิก้าพันธุ์ใหม่นี้มีลักษณะเด่น คือ ต้านทานโรคราสนิมสูง ให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟดิบเฉลี่ย 5 ปี สูงถึง 215 กิโลกรัมต่อไร่ สภาพพื้นที่ที่แนะนำให้ปลูก คือ เขตภาคเหนือบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 700 เมตรขึ้นไป มีอุณหภูมิเฉลี่ย 18-25 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำฝนไม่ต่ำกว่า 1,500 มิลลิเมตรต่อปี แต่กาแฟอาราบิก้าเชียงใหม่ 80 ก็มีข้อจำกัด คือ ต้องปลูกภายใต้สภาพร่มเงา หรือระหว่างแถวไม้ผลยืนต้น เช่น มะคาดิเมีย บ๊วย ลิ้นจี่ เนื่องจากไม่ทนต่อสภาพอากาศแห้งแล้ง
![](http://www.dailynews.co.th/content/images/1006/28/10/c2.jpg)
ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรได้เร่งขยายผลโครงการฯ โดยการผลิตต้นกล้าพันธุ์กาแฟอาราบิก้าเชียงใหม่ 80 จำหน่ายจ่ายแจกให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน เพชรบูรณ์ เลย ตาก และจังหวัดใกล้เคียง นำไปปลูกแล้ว 2,342,000 ต้น เมล็ดพันธุ์ จำนวน 1,200 กิโลกรัม ขณะเดียว กันยังได้เร่งสร้างและพัฒนาเกษตรกร ผู้นำและแปลงต้นแบบในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ น่าน และเชียงราย ประมาณ 15 แปลง
อีกทั้งยังเร่งขยายผลการสร้างผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วสดต้นแบบ 3 สูตร ได้แก่ DoA Gold Coffee, DoA Silver Coffee และ DoA Iced Coffee ภายใต้แบรนด์ “DoA Coffee” (ดีโอเอ คอฟฟี่) ซึ่งถือเป็นกาแฟสูตรพิเศษที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปสู่กลุ่มเกษตรกรและภาคเอกชนที่ ประสงค์จะประกอบธุรกิจกาแฟ และนำสูตรไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟเพื่อจำหน่าย เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ว่า เมล็ดกาแฟไทยมีคุณภาพ
ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรมีกำลังการผลิตเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้าเชียงใหม่ 80 ได้ปีละ 250-400 กิโลกรัม ทั้งยังมีขีดความสามารถในการผลิตต้นกล้าพันธุ์ได้ปีละ 700,000-800,000 ต้น นอกจากนั้นยังได้ขยายต้นแม่พันธุ์โดยการเสียบยอด เพื่อสร้างแปลงแม่พันธุ์บริสุทธิ์พร้อมควบคุมการผสมเกสร ซึ่งสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ไม่น้อยกว่า 100-150 กิโลกรัม และผลิตต้นกล้ากาแฟอาราบิก้าพันธุ์ดีได้ไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านต้นต่อปี สำหรับปลูกในพื้นที่ได้กว่า 7,500 ไร่ ซึ่งขณะนี้เกษตรกรมีความต้องการใช้กาแฟพันธุ์ดีเพิ่มสูงขึ้น
ปี 2554 กรมวิชาการเกษตรได้มีโครงการที่จะประกาศรับรองพันธุ์กาแฟอาราบิก้าลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ เพื่อเป็นพันธุ์แนะนำให้เกษตรกรอีกอย่างน้อย 2 สายพันธุ์ ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานโรคราสนิม และให้ผลผลิตสูง รวมทั้งมีคุณภาพดีเพื่อเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์กาแฟ สำหรับเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟอาราบิก้าของไทย พร้อมช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตกาแฟอาราบิก้าไทยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยีการผลิตกาแฟอาราบิก้าแบบครบวงจรสามารถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0-5311-4133-5 และ 0-5311-4070-1.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 28 มิถุนายน 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=74556
ข่าวที่เกี่ยวข้อง นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง